รู้ไหมว่าเพลงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้

รู้ไหมว่าเพลงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้

แน่นอนว่าหลาย ๆ คนมักจะฟังเพลงในขณะที่ออกกำลังกายไปด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศและความเพลิดเพลิน แต่รู้ไหมว่าการฟังเพลงมีประโยชน์มากกว่านั้น เพราะเพลงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี 

ทำไมการฟังเพลงถึงช่วยให้การออกกำลังกายดีขึ้น

เพลงไม่ได้ช่วยให้แค่เพลิดเพลิน แต่ยังมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ กระตุ้นให้ร่างกายดึงพลังงานออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งยังลดอัตราความรู้สึกปวดเมื่อยและเหนื่อยจึงทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น และหากเลือกเพลงที่เข้ากับรูปแบบการออกกำลังกายก็จะยิ่งกระตุ้นให้การออกกำลังกายไปถึงเป้าหมายได้ดีขึ้น

ขอบคุณรูปภาพจาก fitness-nation.net

จังหวะเพลงแบบนี้เหมาะกับการออกกำลังกายแบบไหน

เพลงที่มี BPM (Beat Per Minute) หรือความเร็วในการเล่นโน้ตระดับต่าง ๆ สามารถใช้เป็นเพลงควบคู่กับการออกกำลังกายในรูปแบบที่มีระดับความเข้มข้นต่างกันได้ โดยจังหวะแบบไหนเหมาะกับการออกกำลังกายอย่างไร ตามไปดูกัน

1. เพลงที่มีจังหวะ 60 - 90 BPM 

เป็นจังหวะที่ไม่เร็วมากและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ จึงเหมาะกับรูปแบบการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นต่ำ เน้นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย อย่าง โยคะ พิลาเทส เป็นต้น รวมทั้งการคูลดาวน์ ซึ่งเพลงที่มี BPM อยู่ระหว่าง 60 - 90 BPM เช่น 

Thinking Out Loud - Ed Sheeran

Let It Be - The Beatles

I'm Yours - Jason Mraz 

2. เพลงที่มีจังหวะ 120 - 140 BPM

เพลงที่มีจังหวะ BPM ระหว่าง 120 - 140 BPM เหมาะกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ อย่าง จ๊อกกิ้ง  เดินเร็ว และปั่นจักรยาน รวมทั้งการวอร์มอัปก่อนออกกำลังกาย เพราะมีจังหวะที่มีความเร็วในระดับที่พอดีกับการออกกำลังกายที่เคลื่อนไหวและออกแรงแบบไล่ระดับมากขึ้น ตัวอย่างเพลง เช่น

Moves Like Jagger - Maroon 5

We Found Love - Rihanna

Wanna be Startin’ Somethin’ - Michel Jackson

3. เพลงที่มีจังหวะ 130 - 150 BPM

เป็นเพลงที่มีจังหวะค่อนข้างเร็วและให้ความรู้สึกถึงพลังที่มีมากขึ้นและเข้ากับอัตราการเต้นของหัวใจ จึงเหมาะกับการออกกำลังกายที่ใช้การออกแรงอย่างการวิ่งหรือยกเวท โดยเพลงที่มี BPM อยู่ระหว่าง 130 - 150 BPM เช่น 

Wildest Dreams - Taylor Swift

Born to Run - Bruce Springsteen

Mr.Brightside - The Killers

ขอบคุณรูปภาพจาก www.stack.com

4. เพลงที่มีจังหวะ 130 - 170 BPM

เพลงที่มี BPM ในช่วงนี้เป็นเพลงที่มีจังหวะที่ค่อนข้างเร็ว สนุกสนาน และกระตุ้นความกะตือรือร้น จึงเหมาะกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิคเป็นหลัก ทั้งวิ่งระยะไกล กระโดดเชือก รวมทั้งการเต้น โดยตัวอย่างเพลงมีทั้ง

Runnin’ Down a Dream - Tom Petty

Lose Yourself - Eminem

My Happy Ending - Avril Lavigne

5.เพลงที่มีจังหวะ 140 - 180-plus BPM

เพลงที่มีจังหวะ 140 - 180-plus BPM เหมาะกับการทำ HIIT รวมทั้งการคาร์ดิโอ เพราะเป็นจังหวะที่เร็ว เร้าใจ มีผลช่วยให้สามารถออกแรงหรือเคลื่อนไหวร่างกายควบคู่กับจังหวะของเพลงได้อย่างลงตัว ซึ่งเพลงที่มีจังหวะนี้ เช่น

As It Was - Harry Styles

I’m Not Okay - My Chemical Romance

Don’t Stay - Linkin Park

เพลง ตัวช่วยออกกำลังกายที่เลือกได้ตามสไตล์คุณ

จากแนวเพลงทั้งหมดจะเห็นได้ว่าการฟังเพลงไม่เพียงแค่สร้างความเพลิดเพลินให้การออกกำลังกาย แต่ยังสามารถเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้ โดยคุณสามารถเลือกแนวเพลงที่เหมาะกับรูปแบบการออกกำลังกายและเป็นสไตล์ที่ใช่คุณได้ รวมทั้งยังทำให้การออกกำลังกายสนุกกว่าที่เคย

อุปกรณ์ออกกำลังกายคุณภาพควบคู่กับความเพลิดเพลินแบบไม่มีสะดุด

การที่จะสามารถออกกำลังกายได้เป็นเวลานาน นอกจากสามารถใช้เพลงเป็นตัวช่วยแล้ว การมีอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ได้คุณภาพ มีโปรแกรมที่หลากหลาย รวมทั้งทนทาน และที่สำคัญคือมีฟังก์ชั่นที่ฟังเพลงได้! เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่จะทำให้การออกกำลังกายของคุณลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด

NBA Sportmanagement เลยขอแนะนำ Gorilla Teck TA256 ลู่วิ่งไฟฟ้าคุณภาพสูง มีระดับความเร็วที่ปรับได้อย่างหลากหลาย พร้อมฟังก์ชั่น mp3 ในตัว เหมาะกับการออกกำลังกายตามสเต็ปเพลงได้อย่างเต็มที่ สนใจสั่งซื้อ Gorilla Teck TA256 คลิก >> NBA Sportmanagement หรือติดต่อ Gorilla Teck ได้เลย

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!