คุณเคยประสบปัญหาภาวะ Yoyo Effect (โยโย่เอฟเฟกต์) แบบนี้หรือไม่? กินยาลดความอ้วนหรืออดอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก แต่มักจะจบลงด้วยน้ำหนักตัวที่กลับมาเท่าเดิมเหมือนตอนที่จะเริ่มต้นลดน้ำหนัก หรือในบางกรณีน้ำหนักอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ในวันนี้ NBA Sportmanagement จะพาคุณไปไขข้อข้องใจกับภาวะ Yoyo Effect ในบทความนี้ ว่าจริง ๆ มันคืออะไร ทำไมอาการนี้มักเกิดกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เพื่อให้คุณได้รู้วิธีแก้ไขและหลีกเลี่ยงและสามารถลดน้ำหนักได้อย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Yoyo Effect (โยโย่เอฟเฟกต์) คือ ภาวะที่ร่างกายเสียสมดุลในการเผาผลาญไขมันจนน้ำหนักขึ้น ๆ ลง ๆ และจบลงด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้วก็ตาม เพราะร่างกายอยู่ในภาวะที่มีไขมันเกินร่วมกับมวลกล้ามเนื้อลดลง ทำให้ส่งผลเสียต่อระบบการเผาผลาญ
Tips : สาเหตุที่ตั้งชื่อว่า Yoyo (โยโย่) เพราะมีที่มาจากของเล่นที่เรียกว่า โยโย่ ซึ่งวิธีการเล่นคือต้องเหวี่ยงลูกโยโย่ลงพื้นเพื่อให้ดีดกลับขึ้นมาบนมือ แต่ถ้าคุณออกแรงเหวี่ยงมากเกินไป ลูกโยโย่ก็จะดีดกลับขึ้นมาเร็วและแรงมากกว่าปกติ ดังนั้นเราจึงเรียกการที่น้ำหนักที่เหวี่ยงขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างรุนแรง หลังการลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีว่า Yoyo Effect (โยโย่เอฟเฟกต์)
สาเหตุหลัก ๆ นั้นสามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 ข้อที่มีผลกระทบทำให้มีโอกาสเกิดภาวะ Yoyo Effect ได้ มีอะไรบ้าง ไปดูกัน!
การอดอาหารเป็นหนึ่งกระบวนการที่ส่งผลให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะที่ร่างกายไม่นำไขมันมาใช้เป็นพลังงาน และเมื่อร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หลังจากนั้นร่างกายจะเริ่มมีอัตราการเผาผลาญไขมันที่ลดลง แต่ร่างกายจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปถูกนำไปสะสมไว้ในรูปของไขมัน ทำให้เกิดน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ในท้ายที่สุด
Tips : หากคุณไม่ออกกำลังกายในขณะที่อดอาหาร ก็ยิ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อที่จะเข้าไปช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันได้ ยิ่งทำให้ประสิทธิภาพของการเผาผลาญไขมันของร่างกายต่ำลง ทำให้เกิดไขมันสะสมในร่างกาย จนทำให้ร่างกายมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นนั่นเอง
นอกจากการอดอาหาร พฤติกรรมการลดน้ำหนักที่ผิดวิธีเช่น การกินยาลดความอ้วน ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะ Yoyo Effect เพราะยาลดความอ้วนจะเริ่มออกฤทธิ์กับระบบสมอง ทำให้ร่างกายไม่รู้สึกอยากอาหาร และร่างกายจะถูกปรับให้เคยชินกับการเผาผลาญไขมันที่น้อยลง และเมื่อหยุดใช้ยาลดความอ้วน ร่างกายก็จะไม่สามารถกลับมาเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้นได้ตามปกติ ทำให้มีไขมันสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากกว่าปกตินั่นเอง
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ เมื่อคุณใช้วิธีการลดน้ำหนักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหารหรือการใช้ยาลดความอ้วน ส่งผลให้ร่างกายต้องปรับสภาพการเผาผลาญไขมันตามไปด้วย และเมื่อคุณ “หยุด” พฤติกรรมเหล่านี้และกลับมาทานอาหารแบบเดิม จะส่งผลระบบต่าง ๆ ในร่างกายไม่สามารถกลับทำงานหรือเผาผลาญไขมันได้ตามปกติ
การลดน้ำหนัก เป็นเรื่องที่ใช้ความอดทนและการลดน้ำหนักที่ถูกวิธี ดังนั้นวิธีการหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ Yoyo Effect จะวิธีไหนบ้าง ไปดูกัน
การทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกายไม่ว่าจะเป็น การเดิน การวิ่ง ปั่นจักรยาน จะทำให้พลังงานต่าง ๆ ในร่างกายถูกดึงมาใช้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะไขมัน ส่งผลให้ฮอร์โมนอยู่ในภาวะที่สมดุล ระบบเผาผลาญอยู่ในระดับที่ดีและไม่ทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์
และสำหรับใครที่ต้องการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แม้จะอยู่ที่บ้านหรือที่เรียกว่า Home Gym คุณสามารถออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันด้วยการวิ่งลู่วิ่งไฟฟ้าหรือปั่นจักยานนั่งปั่น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการออกกำลังกายที่จะช่วยให้คุณสามารถออกกำลังได้อย่างสม่ำเสมอทุกเวลา
NBA Sportmanagement ขอเสนอลู่วิ่งไฟฟ้าที่ตอบโจทย์สำหรับใครที่อยากลดน้ำหนักด้วยการวิ่งอย่างสม่ำเสมอ เพราะ Gorilla Teck A185 มีโปรแกรมการออกกำลังกายให้เลือกมากมายถึง 12 แบบ ให้คุณวิ่งได้อย่างมีเป้าหมายตามที่ต้องการ ในราคาเพียง 39,900 บาทเท่านั้น
Gorilla Teck A185 รุ่นมาพร้อมสเปคพรีเมียมและมีฟังก์ชันอีกมากมาย
- มอเตอร์ไฟฟ้า AC 3 แรงม้า
- สายพานกว้าง 54 เซนติเมตร ยาว 150 เซนติเมตร
- ปรับความเร็วได้มากถึง 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- รองรับน้ำหนักสูงสุด 150 กิโลกรัม
- มีมากถึง 12 โปรแกรมออกกำลังกาย
- ปรับระดับความชันได้ 15 ระดับ
- ช่องเสียบสำหรับเชื่อมต่อ MP3
- มีพัดลมในตัว
พร้อมรับประกันมอเตอร์ไฟฟ้านาน 5 ปี
สำหรับใครที่อยากซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า สามารถสั่งซื้อกับเราได้เลยตอนนี้ แถมจัดส่งและติดตั้งฟรีถึงที่ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) และยังรับประกันมอเตอร์ยาวนาน 5 ปี พร้อมตรวจเช็กสภาพให้ทุก 4 เดือน สามารถสั่งซื้อได้เลยที่ LINE Official: @maxnumfitness หรือ ทัก Inbox มาที่ >https://m.me/NBAsportmangement
หากต้องการปรับวิธีการกินเพื่อลดน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เพราะจะทำให้ระบบเผาผลาญและการย่อยอาหารไม่สมดุล ควรเลือกเน้นเป็นอาหารประเภทโปรตีน เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานได้ดีแล้ว ยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
การลดน้ำหนักที่ดีต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและถูกต้อง เช่น ตั้งเป้าหมายลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือนด้วยวิธีการกินและออกกำลังกายที่ถูกอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป และพยายามมีทัศนคติที่ดี ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเองว่าจะสามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
การออกกำลังกายถือเป็นการลดน้ำหนักที่ได้ผลมากที่สุด (แต่ต้องไม่หักโหมจนมากเกินไป) ในระยะช่วง 6 เดือนแรกควรออกกำลังกาย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หลังจากนั้นเมื่อร่างกายเริ่มเคยชินกับการออกกำลังกายมากขึ้น จึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็น 200-300 นาทีต่อสัปดาห์ ก็จะทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ถ้าร่างกายของคุณมีสัดส่วนไขมันมากกว่าสัดส่วนของกล้ามเนื้อ ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีน้ำหนักที่มากขึ้นแล้ว ไขมันที่สะสมมากขึ้นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
หลายคนคงรู้จักกับ Yoyo Effect กันไปแล้ว ซึ่งการอดอาหารหรือทานยาลดความอ้วน ไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง เพราะถึงแม้จะลดน้ำหนักลงได้ แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ผลที่ได้กลับคือน้ำหนักที่มากขึ้นและโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ดังนั้นวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลมากที่สุดและมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง
ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ