Cheat Day คืออะไร กินยังไงให้หุ่นไม่พัง

การดูแลรูปร่างให้ดีต้องมีวินัยในการกินและออกกำลังกายควบคู่กัน แต่การให้รางวัลตัวเองด้วยการกินของอร่อย ๆ ตามใจปากอย่างวัน Cheat Day ก็เป็นสิ่งที่หลายคนเลือกใช้ในการรักษาสมดุลจิตใจและร่างกาย ดังนั้นบทความนี้ NBA Sportmanagement จะพาคุณไปรู้จักกับ Cheat Day ว่าคืออะไร กินยังไงให้หุ่นไม่พัง พร้อมวิธีออกกำลังกายหลังวัน Cheat Day

Cheat Day คืออะไร

Cheat Day คือวันที่คุณสามารถกินอาหารที่ชอบได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่ เป็นวันที่ช่วยผ่อนคลายจากการรักษาวินัยในการกินอาหารและออกกำลังกายที่เคร่งครัด การมี Cheat Day สามารถช่วยให้การลดน้ำหนักไม่เครียดจนเกินไป และเพิ่มแรงจูงใจในการรักษาสุขภาพในระยะยาวได้ดี

วิธี Cheat Day ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

การทำ Cheat Day ให้ถูกต้องนั้นมีความสำคัญมาก เพื่อให้ Cheat Day ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดผลเสียหรือผลกระทบต่อการออกกำลังกาย

1. กำหนด Cheat Day ล่วงหน้า: วิธีแรกคือเลือกกำหนดวันที่แน่นอน ในสัปดาห์ที่ต้องการให้มีวัน Cheat Day เพื่อให้การออกกำลังกายมีแรงจูงใจ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน

2. วันเวลาในการ Cheat Day : ควร Cheat Day หลังจากผ่านการควบคุมอาหารมาแล้วอย่างน้อย 6 วัน เพื่อให้ไม่เกิดผลเสียทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ยากต่อการคุมน้ำหนัก

3. กำหนดขอบเขตในการกิน : กำหนดปริมาณอาหารที่กินในวัน Cheat Day อย่างมีสติ ไม่ควรกินอาหารเยอะจนเกินไป เพราะอาจทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ยากขึ้น โดยเบื้องต้นควรทานอาหารให้ได้พลังงานไม่เกิน 2,000 แคลอรี่/วัน

4. เลือกอาหารที่ชอบจริง ๆ : กินอาหารที่ต้องการกินจริง ๆ เพื่อให้รู้สึกพอใจ แก้ความอยากอาหารได้ในระยะหนึ่ง

ข้อดี และข้อเสียของการ Cheat Day

ข้อดี ข้อเสียของการ Cheat Day มีตามนี้

ข้อดีของการ Cheat Day

• เพิ่มแรงจูงใจ: Cheat Day ช่วยเพิ่มความสุขและความพึงพอใจ ทำให้การลดน้ำหนักไม่เคร่งเครียดจนเกินไป มีกำลังใจอยากควบคุมอาหารการกินในระยะยาว

• ลดความรู้สึกหิว: การมีวัน Cheat Day ช่วยลดความรู้สึกหิวและอยากอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพในวันอื่น ๆ ได้

• หลั่งฮอร์โมนเพิ่มความอิ่ม : เมื่อกิน Cheat Day อาจทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเลปติน (Leptin) เพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม แถมทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

ข้อเสียของการ CheatDay

• อาจทำให้น้ำหนักเพิ่ม: หากไม่ควบคุมการกินในวัน Cheat Day ให้ดี ก็อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ และยากต่อการกลับมาควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการ

• อาจทำให้เสียวินัย: หลังจากควบคุมอาหาร กินอย่างมีวินัยมานาน เมื่อได้กลับมากินของที่ชอบ ของที่อร่อย ก็อาจทำให้เสียวินัยในการกินและออกกำลังกายหลังจากวัน Cheat Day ได้

• ควรระวังระดับน้ำตาล: การ Cheat Day อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะอาจได้รับอาหารพวกแป้งหรือน้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งจะมีผลเสียหากเป็นผู้ป่วยหรือสุ่มเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ดังนั้นควรกินอาหารที่มีความหวานแต่พอดี

• เสี่ยงเป็นโรคกินอาหารเยอะผิดปกติ: การ Cheat Day อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเป็นโรคกินไม่หยุด (Binge Eating Disorder : BED) หรือกินอาหารมากผิดปกติ โดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาหลายอย่างเช่น ท้องอืด , อาหารไม่ย่อย , กรดไหลย้อน , ท้องร่วง ดังนั้นควรกินในปริมาณพอดี พักผ่อนให้เพียงพอ ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

หลังวัน Cheat Day ควรปฏิบัติอะไรบ้าง

1. เพิ่มเวลาออกกำลังกาย: หากปกติออกกำลังกายเป็นประจำระยะเวลา 30 นาที ควรปรับเพิ่มเป็น 1 ชั่วโมงหลังวัน Cheat Day เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น ชดเชยกับการกินที่มากขึ้นนั่นเอง

2. เลือกการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญไขมัน: เลือกออกกำลังกายประเภทที่เน้นการเผาผลาญพลังงาน/ไขมันโดยเฉพาะ เช่น วิ่ง, ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น: การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยขับสารพิษและลดความหิวได้ เพราะน้ำจะช่วยให้ไฟเบอร์ในอาหารขยายตัวได้เต็มที่ จนการย่อยอาหารช้าลง ทำให้อิ่มนานขึ้น ไม่รู้สึกอยากกินขนม ลดความหิวระหว่างมื้อ

สรุปการ Cheat Day

สรุปแล้วการ Cheat Day คือการให้รางวัลตัวเองด้วยการกินอาหารที่ชอบ กินตามใจปาก หลังจากควบคุมอาหาร ออกกำลังกายมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยการ Cheat Day ต้องมีขอบเขตและมีสติในการกิน เพื่อให้ไม่กินจนเกินลิมิต และควรเตรียมตัววางแผนล่วงหน้าสำหรับ Cheat Day ให้ดี จะช่วยให้คุณสามารถรักษารูปร่างและรักษาสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพร้อมกับการได้กินอาหารที่ต้องการ