มือใหม่หัดวิ่งอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า เพราะหลายคนอยากใช้ แต่ใช้ไม่เป็น ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร การวิ่งต้องก้าวเท้าแบบไหน รวมถึงไม่รู้ว่าสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนหน้าจอบ่งบอกถึงอะไรบ้าง
ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาวิธี การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า ภายในบทความนี้ NBA Sportmanagement จะมาไขทุกข้อสงสัยพร้อมแนะนำเทคนิคการใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าให้กับคุณง่าย ๆ เพื่อรีดประสิทธิภาพลู่วิ่งไฟฟ้าให้กับคุณได้มากที่สุด โดยจะมีอะไรบ้าง มาเริ่มอ่านกันได้เลย
สำหรับมือใหม่หัดวิ่งอาจจะยังไม่ทราบถึง การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนหน้าจอแสดงผลของลู่วิ่งไฟฟ้านั้นใช้ทำอะไร บอกอะไรให้กับเราบ้าง ดังนั้นก่อนใช้งานคุณควรศึกษาทำความรู้จักให้ดีก่อน ซึ่งปุ่มและสัญลักษณ์หลัก ๆ ก็จะมีดังนี้
ขณะใช้งาน ลู่วิ่งไฟฟ้าจะตรวจจับว่าคุณได้เดิน, วิ่งไปแล้วกี่กิโลเมตร ซึ่งเป็นฟังก์ชัน การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า พื้นฐานที่ทุกเครื่องต้องมี
ลู่วิ่งไฟฟ้าจะมีส่วนเวลาแจ้งให้ทราบว่าคุณใช้เวลาวิ่งไปนานเท่าไหร่ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากตัวเลขตรงส่วนนี้ที่จะเริ่มนับตั้งแต่กดเริ่มเดินหรือวิ่ง
ตัวเลขแสดงแคลอรีเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานมักจะสังเกตอยู่ตลอดเวลาขณะใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้า โดยขณะใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้าจะแสดงผลแคลอรีที่เราได้เผาผลาญไปจากการวิ่ง ซึ่งลู่วิ่งไฟฟ้าบางตัวก็จะมีติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับแคลอรีที่แม่นยำขึ้นบริเวณราวจับอีกด้วย
หัวใจของการออกกำลังกายคาร์ดิโอคือการสังเกตอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในโซนที่ถูกต้อง ลู่วิ่งไฟฟ้าจึงมีตัวเลขแสดงผลในจุดนี้มาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ออกกำลังกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า คุณสามารถปรับเปลี่ยนความเร็วได้อิสระ ตัวเลขความเร็วนี้ก็จะเป็นส่วนที่แสดงผลว่าคุณกำลังเดิน, วิ่งอยู่ในความเร็วระดับเท่าไหร่ ซึ่งส่วนมากจะนับเป็นกิโลเมตร/ชั่วโมง
ความชันเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า ท้าทายขึ้นด้วยการเพิ่มทางลาดให้เหมือนการเดินขึ้นเขา ทำให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น รวมถึงช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ต่างไปจากการวิ่งธรรมดา ๆ
ลู่วิ่งไฟฟ้าบางรุ่นจะมาพร้อมปุ่มกดเริ่มโปรแกรมฝึกฝนการวิ่งที่ตั้งค่ามาให้แล้ว เช่น Fat Burn, HIIT, Strength โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกและเริ่มออกกำลังกายได้ตามโปรแกรมได้ทันที โดยที่ไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม
การคูลดาวน์ร่างกายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการออกกำลังกายคาร์ดิโออย่างมาก เพราะเป็นการฟื้นฟูและพัฒนาร่างกาย ลู่วิ่งไฟฟ้าบางรุ่นจึงมีปุ่มสำหรับเริ่มโปรแกรมคูลดาวน์ร่างกายหลังวิ่งเสร็จมาให้กับผู้ใช้งาน
สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนหน้าจอแสดงผลที่ได้กล่าวไปมักจะมีอยู่ในลู่วิ่งไฟฟ้าเกือบทุกรุ่น แต่สำหรับลู่วิ่งไฟฟ้าบางรุ่นที่มีราคาสูงก็จะมีฟังก์ชันเสริมเพิ่มเติม เช่น หน้าจอระบบสัมผัส, เซนเซอร์ตรวจจับแคลอรี, โปรแกรมฝึกฝนภายในตัว, เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณอยากรู้เพิ่มเติมว่าลู่วิ่งไฟฟ้าราคาถูกกับราคาแพงมีความแตกต่างกันอย่างไร สามารถอ่านได้เลย ที่นี่
ก่อน การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า ทุกครั้งคุณจะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการ วอร์มอัพ ทำได้ด้วยการปรับความเร็วต่ำระดับ 3-5 และเดินช้า ๆ เป็นเวลา 5-10 นาทีแล้วค่อยเริ่มวิ่งออกกำลังกาย โดยการวอร์มอัพจะทำให้วิ่งได้นานและลดโอกาสเกิดการบาดเจ็บกล้ามเนื้อขา
จากนั้นก่อนที่จะถึงเวลาหยุดวิ่งออกกำลังกายประมาณ 5 นาทีให้คุณทำการ คูลดาวน์ หรือปรับสภาพร่างกายให้กลับมาปกติด้วยการปรับระดับความเร็วให้ต่ำลงเท่ากับการวอร์มอัพแล้ววิ่งตามปกติ หรือใช้ท่าผ่อนคลายที่เราเคยได้นำเสนอไปใน บทความนี้ จนอัตราการเต้นหัวใจลดลงต่ำกว่า 100 ครั้ง/นาที เท่านี้ก็จะทำให้ร่างกายร่างกายสามารถฟื้นฟูพัฒนาได้เต็มที่
ระดับความเร็ว ที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่คือประมาณ 4-6 เพราะเป็นระดับความเร็วที่พอเหมาะ เมื่อหมดแรงสามารถก้าวยาว ๆ แทนการเดินได้เพื่อหยุดพักร่างกาย ส่วนด้าน ความชัน ควรจะตั้งเอาไว้ราว ๆ ระดับ 1-4 เพราะอย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ว่าการวิ่งใน Home Gym จะไม่มีแรงต้านลม ถ้าต้องการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าให้คล้ายกับการวิ่งกลางแจ้งมากที่สุดก็จำเป็นจะต้องเพิ่มระดับความชันเอาไว้บ้าง
และหลังจากที่ร่างกายคุ้นชินกับความเร็ว, ความชันในระดับนี้แล้ว โดยสามารถวิ่งได้โดยไม่เหนื่อยหอบ คุณก็สามารถเพิ่มระดับขึ้นได้อีกตามที่ต้องการ แต่ที่เราแนะนำคือควรปรับเพิ่มขึ้นครั้งละไม่เกิน 3 ระดับ เพราะถ้ามากกว่านี้อาจจะเป็นตัวเลขที่เร็ว, ชันมากจนเกินไป
การวิ่งที่ถูกต้องจะต้องยืดอกตรง หลังไม่ค่อม เน้นการก้าวเท้าที่สั้น, ถี่และลงน้ำหนักทั้งหมดที่กึ่งกลางเท้าเพื่อลดแรงกระแทกต่อเข่า ส้นเท้า และปลายเท้า รวมถึงไม่ควรก้าวยาว ๆ เพราะเป็นการวิ่งที่ไม่ได้ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจพุ่งสูงขึ้นจนเกิดการเผาผลาญ รวมถึงทำให้หลุดโฟกัสและเบื่อกับการวิ่งได้
โดยการวิ่งหนึ่งรอบถ้าคุณสามารถก้าวได้มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้คุณกระตุ้นร่างกายได้มากเท่านั้น โดยคุณสามารถเผาผลาญได้สูงสุดถึง 500 แคลอรีต่อการวิ่ง 30 นาที* ซึ่งเป็นอัตราการเผาผลาญที่สูงที่สุดจากเครื่องออกกำลังกายคาร์ดิโอทุกชนิด
*การเผาผลาญอาจไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความเร็ว, ความชัน, ท่าทางการวิ่งของคุณ ฯลฯ
เราจะเห็นว่าผู้ออกกำลังกายหลายคนจะพกขวดน้ำเพื่อจิบอยู่สม่ำเสมอ นั่นเป็นเพราะว่าการออกกำลังกายคาร์ดิโอ (โดยเฉพาะ การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า ) ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามาก ถ้าไม่มีการเติมน้ำกลับเข้าสู่ร่างกายก็อาจทำให้เกิด ภาวะช็อก ขึ้นได้
การจิบน้ำที่ถูกต้องไม่ใช่การจิบครั้งเดียวหมด แต่เป็นการค่อย ๆ จิบทุก ๆ 2-3 นาทีหรือขณะที่เริ่มรู้สึกกระหายน้ำ ซึ่งข้อดีนอกจากช่วยป้องกันภาวะช็อกได้แล้ว ยังช่วยให้ร่างกายสดชื่นและออกกำลังกายได้นานขึ้น
รู้หรือไม่ ? ว่าการที่คุณก้มหน้ามองเท้า, มองจอแสดงผลเพื่อสังเกตแคลอรี หรือก้มลงเพราะเหนื่อยหอบ จะทำให้คุณปวดหลัง ปวดคอ และปวดไหล่หลังวิ่งเสร็จ เพราะการก้มหน้าขณะวิ่งจะส่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปยังกล้ามเนื้อบริเวณเหล่านี้โดยตรง แทนที่จะกระจายไปทั่วร่างกาย
ซึ่งวิธีแก้คุณอาจจะใช้การนับเวลาด้วยการดูซีรีส์หรือฟังเพลงแทน โดยซีรีส์ตอนหนึ่งอาจจะมีเวลา 30 นาที หรือเพลงหนึ่งมีระยะเวลา 3 นาที เป็นต้น รวมถึงยังทำให้ การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า ของคุณสนุกขึ้นไม่น่าเบื่ออีกด้วย โดยคุณอาจจะวิ่งเพลินจนลืมเวลาไปเลยก็เป็นได้
การดูแลลู่วิ่งไฟฟ้าสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาเช็ดภายนอกตัวเครื่อง เช่น ราวจับ หน้าจอแสดงผล ตัวเครื่อง และข้อสังเกตที่ควรรู้ก็คือไม่ควรใช้แอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค เพราะจะทำให้สารเคลือบละลาย ตัวเครื่องจะทรุดโทรม เกิดรอยขีดข่วน และเสียหายไวยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่ถูกต้องคือเลือกใช้น้ำยาสำหรับทำความสะอาดลู่วิ่งไฟฟ้าโดยเฉพาะ เท่านี้ก็จะทำให้ลู่วิ่งไฟฟ้าคุณสะอาด ไร้เชื้อโรค มีสภาพเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา
ถ้าหากคุณต้องการยืดระยะเวลาการใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด เริ่มต้นอ่าน บทความนี้ ที่เราได้นำเสนอวิธีการดูแลลู่วิ่งไฟฟ้าที่ถูกต้องให้กับคุณง่าย ๆ จากที่บ้าน
เมื่อคุณทราบถึงหลัก การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า ทั้งหมดแล้วแต่ยังไม่มีลู่วิ่งไฟฟ้าติดบ้านสักเครื่อง บอกได้เลยว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงทุนเพื่อดูแลรักษาสุขภาพของคุณกับลู่วิ่งไฟฟ้า 3 รุ่นที่เหมาะใช้งานใน Home Gym มากที่สุดดังนี้
Maxnum Home Plus TD151 ลู่วิ่งไฟฟ้าคุณภาพเกรดยุโรปที่ออกแบบมาเพื่อ Home Gym โดยเฉพาะ แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่าตัวที่ 29,990 บาทเท่านั้น โดยมาพร้อมกับสเปคอัดแน่นภายในอีกดังนี้
- มอเตอร์ DC เกรดฟิตเนส ความเร็วสูงสุด 4 HP
- ปรับระดับความเร็วสูงสุด 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- ปรับระดับความชันได้ 20 ระดับ
- ขนาดสายพานกว้างถึง 50 x 148 ซม.
- รองรับน้ำหนักผู้ใช้สูงสุด 150 กิโลกรัม
- โปรแกรมออกกำลังกายกว่า 12 โปรแกรม
- หน้าจอแสดงผล LCD มีระบบวัดไขมันในร่างกาย
ถ้าคุณสนใจสามารถสั่งซื้อ Maxnum Home Plus TD151 ได้เลยตอนนี้ คลิกที่นี่ ได้เลย
ลู่วิ่งไฟฟ้า Gorilla GT5 Zwift จะเปลี่ยนการวิ่งที่น่าเบื่อในบ้านให้สนุกเพลิดเพลินจนลืมว่าวิ่งออกกำลังกายอยู่ ราคาพิเศษเพียง 38,000 บาทที่คุณจะได้สเปคภายในดังนี้
- มอเตอร์ไฟฟ้า AC 4 แรงม้า
- หน้าจอ Multifunction พร้อมโปรแกรมมากมาย
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะวิ่ง
- มีช่องสำหรับวางขวดน้ำและโทรศัพท์
- มีช่องเสียบสาย Mp3
- สามารถปรับสปีดได้ตั้งแต่ 1-18 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- ปรับความชันได้ 15 ระดับ
- สายพานขนาด 52x146 เซนติเมตร
- รองรับการเชื่อมต่อ Zwift Virtual Run
ถ้าคุณสนใจสามารถสั่งซื้อ Gorilla GT5 ได้เลยตอนนี้ คลิกที่นี่ ได้เลย
ลู่วิ่งไฟฟ้า NBA Impulse AC4000 คุณภาพระดับโลก ตอบโจทย์ทุกด้านการวิ่งออกกำลังกายเหมือนนักวิ่งมือโปร รวมถึงมีโหมดผ่อนคลายร่างกาย Cooldown ภายในตัว พร้อมอำนวยความสะดวกให้คุณทุกวินาที่ทีใช้งาน ราคาพิเศษเพียง 99,000 บาทเท่านั้น มาพร้อมสเปคสุดพรีเมี่ยมภายในดังนี้
- มอเตอร์ AC ความเร็วสูงสุด 7 แรงม้า
- หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 18.5 นิ้ว
- พื้นที่พักเท้าผลิตจากพลาสติก ABS ป้องกันการลื่น ปลอดภัยสูง
- ปรับระดับความเร็วได้ 1-20 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- ปรับระดับความชันได้ 15 ระดับ
- ขนาดสายพานกว้าง 55 X 155 เซนติเมตร
- รองรับน้ำหนักผู้ใช้สูงสุดถึง 150 กิโลกรัม
- มีโหมด Cooldown ในตัว
ถ้าคุณสนใจสามารถสั่งซื้อ Gorilla GT5 ได้เลยตอนนี้ คลิกที่นี่ ได้เลย
ลู่วิ่งไฟฟ้าทั้งหมดที่เราได้แนะนำให้วันนี้ นอกเหนือจากสเปคและฟีเจอร์จัดเต็มแล้ว เรายังมีบริการหลังการขายอย่างการจัดส่งติดตั้งอย่างรวดเร็วให้คุณถึงที่บ้าน, ตรวจสอบสภาพลู่วิ่งไฟฟ้าให้ทุก 4 เดือน และรับประกันตัวเครื่อง 1 ปีเต็ม สุขภาพดีเริ่มต้นได้เลยตอนนี้
เราหวังว่าหลัก การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า เบื้องต้นทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ และใช้งานลู่วิ่งไฟฟ้าได้ดีมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ ลู่วิ่งไฟฟ้าแต่ละรุ่นก็จะมีฟีเจอร์ความพิเศษอื่น ๆ ที่เราไม่ได้กล่าวถึงเอาไว้ ดังนั้นก่อนใช้งานคุณควรอ่านคู่มือให้ละเอียด รวมถึงลองใช้ฟีเจอร์ให้คุ้นชินก่อนวิ่งเสมอ
ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ