-ธุรกิจ Fitness ทำยากไหม ?
-ธุรกิจ Fitness รายได้ดีไหม ?
-ธุรกิจ Fitness ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ?
หลากหลายคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มเข้าถึงการออกกำลังกายแบบจริงจัง และคิดว่ามันเป็นหนึ่งช่องทางที่สามารถทำกำไรได้ แต่การที่เรารักในการออกกำลังกายอย่างเดียว คงไม่เพียงพอในการนำมันมาพัฒนาให้เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะอย่าลืมว่าองค์ประกอบในการทำธุรกิจนั้นมีค่อนข้างหลากหลาย อย่างเช่น ด้านสินค้าและบริการ ด้านการเงิน หรือด้านการตลาด
และมันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้ที่ไม่เคยศึกษาเบื้องลึกของธุรกิจ Fitness
ดังนั้นบทความนี้จะเป็น แนวทางเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ต้องการประกอบธุรกิจ Fitness โดยเนื้อหาจะคลอบคลุมข้อมูลโดยรวมที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจนี้ และสุดท้ายมันจะช่วยคุณในการตัดสินใจว่าควรจะเริ่มต้นธุรกิจนี้หรือไม่
ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย
ผมแนะนำให้เริ่มที่การสำรวจตัวเองกันก่อนครับ เพราะคนที่จะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ Fitness ได้ นั้นจะต้องรักและหลงใหลในการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะคุณต้องใช้เวลาทั้งหมดในการดำเนินธุรกิจของคุณ ไปกับสิ่งเหล่านี้ เช่น การเลือกเครื่องออกกำลังกาย หรือ การคัดเลือกคนที่จะมาเป็นเทรนเนอร์
ธุรกิจนี้จึงอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการออกกำลังกายมาก่อน หรือต้องการตารางเวลาที่ยืดหยุ่น
ซึ่งผมมี Check lists มาให้สำรวจตัวเองครับว่า คุณพร้อมกับธุรกิจนี้หรือยัง
ถ้าคุณได้ติ๊กเครื่องหมายถูกในทุกข้อ หรือมากกว่าครึ่ง ก็ยินดีด้วยครับ คุณน่าจะพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าของธุรกิจ Fitness แล้ว
“You’ve got to understand how this industry is really capable of changing people’s lives.” – Stephen Sharkey
แน่นอนว่าพวกเขาต้องมา เพื่อออกกำลังกาย แต่จุดประสงค์และเป้าหมายของพวกเขาก็จะแตกต่างกันไป เช่น บางคนออกกำลังกายเพียงเพื่อลดน้ำหนักอย่างเดียวเท่านั้น ในขณะที่อีกคนต้องการที่จะได้รูปร่างในฝันของตัวเอง และอาจจะต้องการเทรนเนอร์ส่วนตัวเพื่อผลักดันพวกเขาให้ไปถึงเป้าหมายนั้น
เครดิตรูปภาพ : Unsplash
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารูปแบบไหน ในมุมผู้ประกอบการ ภารกิจของเราคือต้องตอบโจทย์เป้าหมายพวกเขามากที่สุด เพื่อที่สุดท้ายพวกเขาจะรักการออกกำลังกาย และตกลงสมัครสมาชิกกับเราในระยะยาว
และในทางตรงกันข้าม ลูกค้าที่ไม่ใช่ สำหรับธุรกิจ Fitness จะเป็นกลุ่มคนที่เข้ามาสมัครสมาชิก และหลังจากนั้นไม่นานก็ต้องการจะยกเลิกสมาชิก ซึ่งอาจจะเป็นอย่างเช่น คนที่ออกกำลังกายตามเทรนด์ ตามเพื่อน หรือแค่อยากมาทดลองเล่นเท่านั้น แต่ Gym ส่วนใหญ่มักแก้ปัญหาด้วยการ คิดค่าธรรมเนียมการยกเลิก มีราคาแบบรายวัน (แต่รายเดือนจะถูกกว่ามาก) หรือ คิดค่าแรกเข้า ป้องกันการยกเลิก
ในแต่ละปี ผู้คนหลักล้านเลือกสมัครสมาชิกกับ Gym ซึ่งแน่นอนว่าเบสิคของรายได้นั้นก็มาจาก ค่าสมัครสมาชิกรายปี รายเดือน หรือ รายวัน แต่สำหรับบางที่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น แต่พวกเขายังสามารถทำเงินด้วย บริการเสริมอื่นๆได้ อย่างเช่น
เครดิตรูปภาพ : Unsplash
โดยอาจจะเรียกเก็บลูกค้าเป็นรายครั้ง รายเดือน หรือเหมารวมกับค่าสมาชิกไปเลยก็ได้
สามารถบอกได้ว่าธุรกิจ Fitness นั้นไม่ได้มีรายได้จากค่าสมัครสมาชิกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะทั้งนี้ ธุรกิจสามารถทำเงินได้จากช่องทางอื่นๆ ที่ได้ยกตัวอย่างไป ซึ่งในบางครั้งช่องทางเหล่านี้อาจจะมีสัดส่วนรายได้เท่ากับ หรือมากกว่าช่องทางหลักอย่าง ค่าสมัครสมาชิกก็ได้ครับ
ถ้าถามว่าต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ในการเปิด Gym คงเป็นเรื่องยากมากที่จะตอบ เพราะมันขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ดังนั้นการจะตอบคำถามนี้ได้ ผมแนะนำให้คุณเริ่มต้นที่การจินตนาการถึง Gym ที่คุณต้องการจะเปิดก่อน ตัวอย่างเช่น โรงยิมขนาดเล็ก รับรองคนได้ประมาณ 10-20 คน หรือโรงยิมขนาดใหญ่พร้อมแยกห้องสตูดิโอสำหรับปั่นจักรยาน ที่รับรองคนได้มากกว่า 100 คน
โดยมันจะทำให้ประมาณการได้ว่า คุณจะต้องลงทุนกับปัจจัยไหนเยอะ หรือปัจจัยไหนที่น้อย เช่น ถ้าคุณต้องการเปิด Gym ขนาดใหญ่ นั่นแปลว่าคุณก็ต้องใช้เงินจำนวนเยอะเพื่อลงทุนกับสถานที่และทำเล
แต่นอกจากนั้นแล้ว ก็มีปัจจัยอื่นๆที่ต้องคำนึงถึง โดยผมจำแนกออกมาเป็น 5 ปัจจัยที่ถือเป็นต้นทุนที่เราต้องจ่ายเมื่อเริ่มต้นธุรกิจ Fitness แต่ส่วนใหญ่จะจ่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น (One-time costs)
1. สถานที่ตั้ง – ค่าใช้จ่ายตรงนี้จะมีความแตกต่างกันในแต่ละ Gym เพราะทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับขนาดและทำเลที่ตั้งของ Gym รวมไปถึงการตัดสินใจว่าจะเช่าหรือซื้อสถานที่นั้น โดยการเลือกสถานที่ นอกจากที่คุณจะต้องมีที่ไว้สำหรับการเวทเทรนนิ่ง และคาร์ดิโอแล้ว คุณต้องสำรองที่ไว้สำหรับพื้นที่สำหรับอำนวยความสะอวกอื่นๆด้วย เช่น ห้องอาบน้ำ ล็อกเกอร์ หรือซาวน่า
เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกสถานที่ ผมแนะนำให้คุณวางแผนผังและทำการสำรวจพื้นที่และทำเลให้ดีก่อน เพื่อที่คุณจะได้สถานที่ที่คุ้มค่าต่อเงินลงทุนและตอบโจทย์กับ Gym มากที่สุด
2. อุปกรณ์ออกกำลังกาย – แน่นอนว่าเมื่อได้สถานที่ตั้งแล้ว คุณก็ต้องเปลี่ยนจากที่เปล่าๆให้กลายมาเป็นสวรรค์ของคนรักสุขภาพ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ อุปกรณ์ออกกำลังกาย โดยอุปกรณ์พื้นฐานใน Gym ที่จำเป็นต้องมี คือ…
นอกจากนี้ถ้ากลุ่มลูกค้าของคุณเป็นคนที่สนใจการเพิ่มกล้ามเนื้อ คุณอาจจะจำเป็นต้องมีเครื่องออกกำลังกายเฉพาะส่วน (Isolation machine) เช่น เครื่องเล่นสำหรับท่า Chest fly , Leg press หรือ Bicep curl
แต่ทั้งนี้สัดส่วนและจำนวนของอุปกรณ์ภายใน Gym ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบและกลุ่มเป้าหมายของคุณ
สำหรับ Gym ส่วนใหญ่ อุปกรณ์ออกกำลังกายเป็นปัจจัยที่ถูกให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นที่รู้กันว่า ลูกค้านั้นต้องการอุปกรณ์ที่ ใหม่ และหลากหลาย โดยในมุมของผู้ประกอบการเองเราก็จำเป็นเลือกหาอุปกรณ์ที่มีราคาคุ้มค่าทั้งในเรื่องของราคา คุณภาพ และควรมีอายุการรับประกันเกิน 1 ปี
ทั้งนี้ที่ Maxnumfitness เรามีอุปกรณ์ออกกำลังกายคุณภาพให้เลือกมากมาย พร้อมอายุรับประกันสินค้าถึง 3 ปี และทีมตรวจเช็คอุปกรณทุกๆ 4 เดือน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
3. การฝึกอบรมพนักงาน – การมีพนักงานมืออาชีพที่มีความรู้ด้านการออกกำลังกายและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งพวกเขาต้องสามารถให้คำแนะนำเรื่องท่าออกกำลังกายและโภชนาการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ ดังนั้นคุณอาจจะต้องให้พวกเขาได้รับการอบรมจากสถานบันฝึกอบรมด้านนี้โดยเฉพาะ อย่างเช่น ที่ Fitness Innovation
4.ใบอนุญาต – การที่คุณจะประกอบธุรกิจ Fitness คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หรือ ใบอนุญาตการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพและความปลอดภัย เรียบร้อยแล้ว เพื่อปฏิบัติตามหลักของกฎหมายให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ผู้ดำเนินการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ต้องขอรับใบอนุญาตซึ่งมีอายุ 5 ปี จากสถาบันการศึกษาที่กรมสบส. (สนับสนุนบริการสุขภาพ) ส่วนผู้ให้บริการ ก็ต้องขึ้นทะเบียนและได้รับใบรับรองคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาที่กรมสบส. เช่นเดียวกัน
(สามารถหารายละเอียด และค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตได้ที่นี่)
5. การปรับปรุงอาคาร – ค่าใช้จ่ายตรงนี้อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคุณ แต่เมื่อคุณซื้อหรือเช่าอาคารเก่ามา การปรับปรุงโครงสร้างหรือตกแต่งภายในเพิ่ม ก็อาจจำเป็นสำหรับคุณ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะเกิดขึ้นจาก การดีไซน์ การดำเนินการปรับปรุงใหม่ และขึ้นอยู่กับโครงสร้างของสถานที่นั้นๆ
โดยปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดว่า ต้นทุนการเปิด Gym ของคุณ นั้นจะมีราคาเท่าไหร่ และจะสามารถช่วยคุณคำนวณงบประมาณคร่าวๆได้นั่นเอง
ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนก็คงเห็นโอกาสในการเติบโตของมัน ด้วยเทรนด์สุขภาพที่มาแรง และมีแนวโน้มที่ดูจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณเองเป็นกำลังคิดจะเปิด Gym บทความนี้จะสามารถช่วยคุณตอบคำถามในใจที่ว่า “ควรเริ่มต้นธุรกิจ Fitness ดีไหม ?”
นอกจากนี้มันยังจะเป็นแนวทางให้คุณเมื่อตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจนี้แล้วอีกด้วย ซึ่งถ้าว่าไปแล้วมันก็เหมือนแผนที่จะนำทางคุณในป่าที่กว้างใหญ่ และแต่ละหัวข้อก็จะเป็น Check lists เพื่อพัฒนาแผนที่ของคุณ ยิ่งถ้าลิสต์เหล่านั้นถูกติ๊กถูกไปมากเท่าไหร่ แผนที่ของเราก็จะแม่นยำมากขึ้น
แต่สุดท้ายแล้วต้องห้ามลืมว่า…
“ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการทำศึกษาแผนที่ คือช่วงก่อนที่จะเข้าป่า”
ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ