ลดไขมันหน้าท้องอย่างไร ให้ร่างกายลีนและแข็งแรงไปพร้อมกัน

สำหรับใครที่รู้ตัวว่าช่วงนี้ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนร่างกายเริ่มเก็บสะสมไขมันมากขึ้น ทำอะไรก็อึดอัด ไม่มั่นใจ สวมใส่เสื้อผ้าไซส์เดิมไม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง หรือ พุง ที่เริ่มดูเจ้าเนื้อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งบางคนก็อาจแก้ปัญหาด้วยการควบคุมอาหาร อดอาหาร หรือออกกำลังกายมาบ้างแล้ว แต่เจ้าไขมันหน้าท้องก็ไม่ยอดลดลงไปเลย หรือบางคนอาจจะต้องหันไปพึ่งพาหมอ ในการใช้เครื่องมือสลายไขมันหน้าท้อง ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จริงอยู่ว่าไขมันหน้าท้องของคุณจะลดลง แต่สุขภาพร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงขึ้นมากไปกว่าเดิม และไม่เป็นผลดีในระยะยาว

ในบทความนี้ NBA Sportmanagement เลยขอมาแนะนำวิธี ลดไขมันหน้าท้อง ด้วยการคาร์ดิโอให้ร่างกายลีนและแข็งแรงพร้อมกัน ด้วยวิธีที่คุณทำตามได้ แบบไม่ต้องพึ่งหมอ แต่ก่อนอื่นมารู้จัก ไขมันหน้าท้อง ให้มากขึ้นกันก่อน

ไขมันหน้าท้อง คืออะไร ?

ไขมันหน้าท้อง หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า พุง คือ ไขมันที่สะสมใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง สามารถเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกเพศตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุ โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อย ซึ่งไขมันหน้าท้องนั้น เกิดจากการที่เรารับประทานอาหารที่มีไขมันจนเกินปริมาณพลังงานที่ร่างกายสามารถเผาผลาญได้ จึงทำให้ร่างกายเก็บสะสมไขมันส่วนเกินไว้ที่บริเวณหน้าท้อง

และเมื่อร่างกายไม่ได้เผาผลาญไขมันส่วนเกินเหล่านั้นเป็นเวลานาน ไขมันก็จะเริ่มแปรสภาพมีความแข็งตัวมากขึ้น จนทำให้บริเวณหน้าท้องมีการป่องตัวขึ่้นมาจนกลายเป็นก้อน หรือพุงในที่สุดนั่นเอง

โดยการมี ไขมันหน้าท้องนั้น ที่มีขนาดใหญ่นั้นจะส่งผลเสียโดยตรงต่อสุขภาพของเรา เพราะเป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคไขมันในเส้นเลือด โรคหัวใจ ฯลฯ ทั้งยังทำให้เรามีความรู้สึกไม่มั่นใจในการแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าแล้วอึดอัด ทำอะไรไม่คล่องแคล่ว

ภาพจาก dailyexpress

ปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิด ไขมันหน้าท้อง ขึ้นในร่างกาย

จากที่เราได้ทราบกันไปแล้วว่า ไขมันหน้าท้อง นั้นเกิดจากการที่ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกินไว้ที่หน้าท้อง แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ด้วยที่ส่งผลทำให้ร่างกายเกิดการสะสมไขมันหน้าท้อง ดังนี้

การรับประทานอาหาร

หลายคนน่าจะสงสัยว่า ตัวเองก็ไม่ใช่คนชอบกิน ของมัน ของทอด หรืออาหารที่ไขมันสูงนะ แต่ทำไมตัวเองถึงยังมีไขมันหน้าท้องอยู่ คำตอบก็คือ ไขมันหน้าท้องนั้นไม่ได้เกิดเพราะการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาหารที่มีน้ำตาลสูงด้วย เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวาน เบเกอรี่หรืออาหาร/เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ที่ให้พลังงานสูง โดยเมื่อร่างกายได้รับอาหารมากขึ้น จนเกินปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการต่อวัน (ผู้ชาย 2,000 Kcal, ผู้หญิง 1,600 Kcal) ร่างกายก็จะเก็บพลังงานนั้นไว้เป็นไขมันส่วนเกิน

พันธุกรรม

เรื่องของพันธุกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีไขมันหน้าท้องได้ โดยสังเกตง่าย ๆ ว่าหากคนในครอบครัวของเรา พ่อแม่พี่น้อง เป็นคนอ้วน มีรูปร่างใหญ่หรือมีไขมันหน้าท้องอยู่แล้ว ก็จะเพิ่มโอกาสให้เราเป็นคนที่มีไขมันบริเวณหน้าท้องได้ง่ายมากขึ้น

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

นอกจากผลเสียเรื่องสุขภาพแล้วผู้ที่มี พฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบผิด ๆ เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุหรี่ รับประทานอาหารมื้อหนักก่อนนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มน้ำน้อย ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ก็จะเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการที่เราจะมี ไขมันหน้าท้อง มากขึ้น อย่างการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำนั้น จะทำให้ร่างกายเราต่อต้านฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะนำน้ำตาลที่เราบริโภค ไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน แต่เมื่อร่างกายต่อต้านฮอร์โมนนี้ ก็จะทำให้เราเอาพลังงานเหล่านั้นไปเผาผลาญได้ยากขึ้น จนมันเปลี่ยนสภาพเป็น ไขมันหน้าท้อง นั่นเอง

ความเครียดสะสม

แม้หน้าท้องกับสมอง จะอยู่กันคนละที่แต่ทั้ง 2 อย่างก็เชื่อมถึงกัน เพราะถ้าคุณมีความเครียดสะสมร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้ระดับการเผาผลาญไขมันของคุณทำงานได้ด้อยประสิทธิภาพลง และอาจส่งผลให้รับประทานมากขึ้น เพื่อบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้น จนทำให้สุดท้ายร่างกายก็จะมีไขมันหน้าท้องที่เพิ่มขึ้นตามมาโดยอัตโนมัติ

ภาพจาก eatthisnotthat

โรคร้ายที่จะตามมาเมื่อร่างกายสะสมไขมันหน้าท้องเป็นเวลานาน มีอะไรบ้าง ?

เมื่อร่างกายของเราสะสม ไขมันหน้าท้อง ไว้เป็นเวลานานนอกจากจะส่งผลเสียในด้านบุคลิกภาพ ความมั่นใจในการใช้ชีวิตแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วย โดย ไขมันหน้าท้อง นั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้าย หรือ อาการป่วยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคหลอดเลือดตีบตันและภาวะหลอดเลือดแข็งตัว
  • โรคหัวใจ
  • ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายสูง
  • ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ เป็นต้นเหตุของโรคปอดเรื้อรัง
  • โรคหอบหืด
  • โรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ (เพราะไขมันอุดตันตามเส้นเลือดทำให้เลือดส่งไปเลี้ยงสมองได้ลำบากขึ้น)
  • ปวดตามข้อ-กระดูก บริเวณหัวเข่าและหลัง เพราะต้องแบกรับน้ำหนักตัวของเราที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
  • ปวดหลังเรื้อรัง
  • เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะไขมันพอกตับ

โดยโรคร้ายและอาการต่าง ๆ ที่เรายกตัวอย่างมาในที่นี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของอาการที่จะเกิดขึ้นหากคุณมี ไขมันหน้าท้อง ที่สะสมเป็นเวลานาน อันเกิดขึ้นมาจากไขมันที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นจนไปเกาะตามเส้นเลือด ที่เป็นส่วนสำคัญในการหล่อเลี้ยงอวัยวะภายในทุกส่วน

จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า การมีไขมันหน้าท้อง หรือพุงใหญ่ ๆ นั้นไม่ใช่ผลดีต่อทั้งบุคลิกภาพและสุขภาพร่างกายของเราในระยะยาวแน่นอน

แนะนำเทคนิค ลดไขมันหน้าท้อง ให้ร่างกายลีนและแข็งแรงพร้อมกัน

หากคุณเริ่มมีความต้องการที่จะเริ่ม ลดไขมันหน้าท้อง เพื่อให้ร่างกายลีนขึ้น (ไขมันน้อย) พร้อมกับสุขภาพร่างกายแข็งแรงไปพร้อม ๆ กัน เราขอมาแนะนำ 5 เทคนิคในการลดไขมันหน้าท้อง ที่คุณสามารถนำไปทำตามได้ทันที ดังนี้

1. ออกกำลังกายด้วยการคาร์ดิโอ

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า การออกกำลังกายด้วยการคาร์ดิโอคือวิธีที่ดีที่สุดในการลดไขมันหน้าท้อง เพราะการออกกำลังกายด้วยการคาร์ดิโอนั้น จะทำให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้นในการเผาผลาญไขมัน ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในแต่ละวัน

โดยสำหรับใครที่มีไขมันหน้าท้อง แต่ร่างกายโดยรวมยังแข็งแรง ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บหัวเข่า หรือ ข้อต่ออะไร แนะนำให้ออกกำลังกายแบบ HIIT หรือ High-Intensity Interval Training ที่เป็นการคาร์ดิโอความเข้มข้นสูง ด้วยการใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า วิ่งด้วยความเร็ว สลับกับการเดินเร็วต่อเนื่อง 1 ชั่วโมง วิธีนี้จะช่วยให้คุณเผาผลาญไขมันหน้าท้องได้ดีที่สุด โดยควรทำสัก 3 วันต่อสัปดาห์

ภาพจาก proform


แต่สำหรับใครที่มีน้ำหนักตัวเยอะ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมาก่อน แค่ทำกิจกรรมอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อยหอบแล้ว เราแนะนำให้ช่วงแรกของการคาร์ดิโอเพื่อลดไขมันหน้าท้องของคุณ ค่อย ๆ ทำอย่างใจเย็น โดยอาจจะเริ่มจากการเดินบนลู่วิ่งไฟฟ้า เครื่องเดินวงรี หรือลองใช้ เครื่องปั่นจักรยาน ดูก่อนในช่วงแรก เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกระแทกจากการวิ่งที่อาจทำให้หัวเข่าบาดเจ็บ

จากนั้นเมื่อร่างกายเริ่มมีความทนทานมากขึ้นก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนโปรแกรมให้มีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เช่นลองใช้โปรแกรมคาร์ดิโอแบบ LISS (Low-Intensity Steady State) ที่จะเน้นการเดินเร็วสลับเดินช้าและวิ่งจ๊อกกิ้ง ในเวลา 1 ชั่วโมง วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ที่มีน้ำหนักเยอะ สามารถลดไขมันหน้าท้อง และไขมันส่วนอื่น ๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง >> กระตุ้นระบบการเผาผลาญอย่างไร ? ให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ควบคุมอาหาร รับประทานอาหารเน้นโปรตีน

“แม้จะออกกำลังกายหนักแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้ควบคุมอาหาร ทุกอย่างที่ทำมาก็เท่ากับศูนย์”

หากคุณต้องการลดไขมันหน้าท้องนั้น นอกจากการออกกำลังกายแล้ว คุณยังต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกิน ลองควบคุมอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่เน้นโปรตีน วิตามิน ไฟเบอร์ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลในการรับประทานอาหารได้ในระยะยาว

โดยสำหรับ อาหารที่แนะนำในแต่ละมื้อสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันหน้าท้องนั้น ควรจะต้องเป็นอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ และควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นสำคัญ เช่น เนื้ออกไก่ เนื้อปลา เนื้อหมูไม่ติดมัน ผักใบเขียว ผลไม้ ถั่ว ข้าวกล้อง ธัญพืชต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการรับประทาน อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เช่น เบเกอรี่ ขนมหวาน ของทอด ของมัน อาหารแปรรูป ของหมักดอง รวมถึง เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของครีม น้ำตาล น้ำหวาน เป็นต้น

ภาพจาก bbc

3. เสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วยการเล่น เวทเทรนนิ่ง หรือ บอดี้เวท

การเล่นเวทเทรนนิ่งและบอดี้เวท ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการออกกำลังกายที่จะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้เหมือนกัน เพราะการเล่นเวทเทรนนิ่งนั้น เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานสูง ทำให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมัน รวมถึงยังช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อในร่างกายเพิ่มขึ้นได้

และด้วยการที่ร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น ก็เปรียบเสมือนเตาเผาที่คอยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้มากขึ้นตามไปด้วย แถมร่างกายก็สามารถเผาผลาญไขมันต่อวันได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ส่วนการลดไขมันหน้าท้องนั้น ถ้าคุณอยากมีหน้าท้องที่ลีน เห็น Six-Pack ชัดเจน ก็ต้องเน้นการเล่นเวทเทรนนิ่งและบอดี้เวทที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง เช่น ท่า Sit-Up, ท่า Plank, ท่า Crunch หรือท่า Lying Leg Raise ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งท่าเหล่านี้เป็นท่าที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรง พร้อมเป็นการเผาผลาญไขมันได้ในเวลาเดียวกัน

แนะนำเคล็ดลับการสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง ด้วยเครื่องออกกำลังกาย >> สร้าง Six-Pack ! ได้ง่าย ๆ กับเครื่องออกกำลังกายบริหารหน้าท้อง

วิธีการเล่นท่า Lying Leg Raise l ภาพจาก robotec


4. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อน หัวใจสำคัญของการลดไขมันหน้าท้องที่หลายคนมักมองข้าม เพราะการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ (ตั้งแต่ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน) นั้นจะช่วยทำให้ร่างกายผลิต ฮอร์โมนเมลาโทนิน ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้ขณะนอนหลับ ซึ่งจะไปส่งผลในการลดปริมาณไขมันส่วนเกินในร่างกายได้

อีกทั้งยังมีงานวิจัยหลายฉบับที่ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนน้อย จะมีโอกาสเกิดภาวะโรคอ้วนได้ง่ายมากกว่าผู้ที่มีการพักผ่อนที่เพียงพอถึง 55% ทีนี้เห็นหรือยังว่า การนอนหลับพักผ่อนนั้น สำคัญกับร่างกายเพียงใด

5. ลด ละ เลิก พฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบผิด ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารมื้อหนักก่อนนอน ไม่ยอมหาเวลาไปออกกำลังกาย ดื่มน้ำน้อย มีความเครียดสะสม ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้จะเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ที่จะทำให้ร่างกายมีปริมาณไขมันหน้าท้องเพิ่มขึ้น ระบบเผาผลาญได้ทำงานได้อย่างไม่เป็นปกติ และยังทำให้คุณมีสุขภาพที่แย่ลงในระยะยาว

ดังนั้นถ้าใครกำลังอยากจะลดไขมันหน้าท้อง พฤติกรรมทั้งหมดที่เรากล่าวไป ขอให้คุณ ลด ละ เลิก ทันทีไม่ใช่เพียงแต่การลดไขมันหน้าท้องเท่านั้น แต่เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นของตัวคุณเองในอนาคต

ภาพจาก ayuruniverse

สรุป

การลดไขมันหน้าท้อง ที่หลายคนมองว่ายากและใช้เวลานานนั้น จริง ๆ แล้วหากคุณลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาออกกำลังกายมากขึ้น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ มีวินัยกับตัวเอง ไม่เกิน 3 เดือนคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในทางที่ดีขึ้นแน่นอน

และสำหรับใครที่อยากเริ่มออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการคาร์ดิโอหรือเวทเทรนนิ่ง ที่ตอนนี้กำลังมองหา เครื่องออกกำลังกายมาไว้ที่บ้าน เพื่อมาลดน้ำหนัก ลดไขมันหน้าท้องอยู่นั้น ตอนนี้เรามี เครื่องออกกำลังกายราคาโปรโมชัน พร้อมให้คุณเลือกมากมายกว่า 10 รายการ
หรือเลือกซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า เครื่องปั่นจักรยาน เครื่องเดินวงรี เครื่องเล่นเวทเทรนนิ่ง ชุดดัมเบล ฯลฯ ทั้งหมดจาก NBA Sportmanagement ผ่าน Shopee และ Lazada ได้เลยตอนนี้ พร้อมรับประกันสินค้าและบริการจัดส่งฟรีพร้อมติดตั้ง จากบริษัทจำหน่ายเครื่องออกกำลังกาย คุณภาพอันดับ #1

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!