5 วิธี ยกระดับมาตรฐานความสะอาดธุรกิจฟิตเนสสู่ระดับสากล

5 วิธี ยกระดับมาตรฐานความสะอาดธุรกิจฟิตเนสสู่อีกขั้น 

ธุรกิจฟิตเนสในยุคนี้มีการแข่งขันสูง สิ่งสำคัญที่ต้องโฟกัสก็ไม่ใช่แค่การให้บริการอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงมาตรฐาน ‘ความสะอาด’ และ ‘สภาพเครื่องออกกำลังกาย’ ที่ต้องดูดีเหมือนใหม่ และน่าใช้งานอยู่เสมอ เพราะในมุมมองของลูกค้า พวกเขาคงไม่อยากเข้ามาใช้บริการฟิตเนสที่มีเครื่องออกกำลังกายที่ไร้สุขอนามัยและมีสภาพทรุดโทรมอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องในด้าน ‘มาตรการของเปิดให้บริการฟิตเนส’ ในปี 2020 เป็นต้นมาที่รัฐบาลมีกรอบกำกับชัดเจนว่าธุรกิจฟิตเนสคุณต้องมีมาตรฐานความสะอาด ปลอด COVID-19 เพื่อสามารถดำเนินธุรกิจได้ ดังนั้นขณะนี้ถือว่าเป็นเวลาอันดีที่จะยกระดับมาตรฐานความสะอาดของธุรกิจฟิตเนสคุณไปอีกขั้น โดยจะมีวิธีอะไรบ้าง NBA Sportmanagement จะมาแนะนำให้กับคุณ

มาตรฐานความสะอาดของธุรกิจฟิตเนสเป็นสิ่งสำคัญ

มาตรฐานความสะอาดในขณะนี้มีผลต่อการแข่งขันธุรกิจฟิตเนสโดยตรง อ้างอิงจากงานวิจัยจากศูนย์วิจัยสุขภาพ Racquet & Sportsclub Association (IHRSA) ได้เผยว่า ความสะอาดของธุรกิจฟิตเนสเป็นหนึ่งในตัวช่วยชั้นเยี่ยมที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจได้สูงจนทำให้พวกเขาอยากเป็นสมาชิกต่อไปในอนาคต ซึ่งก็ทำให้คุณสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง

ภาพจาก glofox

และยังมีรายงานเพิ่มเติมว่าลูกค้ามักจะแนะนำธุรกิจฟิตเนสที่มีมาตรฐานความสะอาดระดับสูงให้กับผู้คนรอบตัวและครอบครัว ซึ่งถ้าพวกเขาพบฟิตเนสที่สกปรกไร้มาตรฐานก็จะไม่พูดถึงเลย นอกจากนั้นความสกปรกนี้เป็นปัจจัยถึง 10% ของลูกค้าทั้งหมดในการขอยกเลิกสมาชิกฟิตเนสอีกด้วย

สรุปง่าย ๆ ก็คือธุรกิจฟิตเนสที่มีความสะอาดสูงจะดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้งานได้บ่อย ๆ ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ถ้าคุณสามารถให้บริการฟิตเนสที่มีระดับความสะอาดสูงเหนือกว่าราคาสมาชิกได้ พวกเขาก็จะรู้สึกว่าเลือกฟิตเนสถูกที่ คุ้มค่าคุ้มราคา อยากใช้บริการต่อเรื่อย ๆ ในแต่ละเดือน

วิธีการพัฒนามาตรฐานความสะอาดธุรกิจฟิตเนสสู่สากล

หน้าฟิตเนสเป็นส่วนสำคัญ

ภาพจาก jeweltoned

ล็อบบี้หน้าฟิตเนสเป็นบริเวณส่วนแรกที่ลูกค้าคุณจะเข้ามาติดต่อ, สอบถาม และชำระค่าบริการ แน่นอนว่าพวกเขาต้องใช้เวลาอยู่ตรงส่วนนี้เป็นเวลาไม่น้อย ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้าง First Impression ที่ดี คุณต้องให้ความสำคัญกับบริเวณนี้เป็นอันดับแรก ๆ โดยไม่ปล่อยให้ขยะเกลื่อนพื้น, ถูพื้นทำความสะอาดให้ดูสะอาดไม่เป็นคราบ และมีพื้นที่นั่งจัดแจงให้กับลูกค้าเป็นระบบไม่ให้ออกันเป็นกลุ่มเพื่อสร้างมาตรฐานการเข้าใช้บริการที่เป็นระเบียบ

ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ออกกำลังกาย

เจ้าของธุรกิจฟิตเนสบางคนอาจยังไม่ทราบว่า ‘อุณหภูมิ’ มีผลอย่างมากกับทั้งเครื่องออกกำลังกายและลูกค้าของคุณโดยตรง ถ้าอุณหภูมิต่ำไปหรือสูงไปอาจทำให้เครื่องออกกำลังกายชำรุดเร็วกว่ามาตรฐาน, สิ่งสกปรกเกิดง่ายขึ้น และลดทอนประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้าอย่างมาก

ภาพจาก harbourclub

โดยศูนย์ฟิตเนสแห่งชาติและวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์การกีฬาอเมริกันได้ทำการวิจัยและแนะนำอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพื้นที่ในฟิตเนสแต่ละพื้นที่เอาไว้ดังนี้

  • พื้นที่คาร์ดิโอ แอโรบิก เวทเทรนนิ่ง และพิทาลิสควรมีอุณหภูมิราว ๆ 18-19 องศาเซลเซียส
  • พื้นที่การโยคะอุณหภูมิไม่ควรเกิน 27 องศาเซลเซียส
  • พื้นที่สระว่ายน้ำอุณหภูมิควรอยู่ที่ราว ๆ  21-27 องศาเซลเซียส

นอกจากนั้นยังได้แนะนำ ‘ความชื้น’ ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพื้นที่ทั้งหมดว่าควรอยู่ที่ประมาณ 40-60% แต่ทั้งนี้ พวกเขาได้ให้ข้อพิจารณาเอาไว้ว่าเจ้าของฟิตเนสต้องสำรวจหาอุณหภูมิที่เหมาะสมอีกทีหนึ่งเพื่อผลลัพธ์ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับธุรกิจฟิตเนสแต่ละที่มากที่สุด

จัดแจงอุปกรณ์ทำความสะอาดให้ครอบคลุม

วิธีที่ Win-win ทั้งเจ้าของฟิตเนสและผู้ใช้บริการ ซึ่งทำได้โดยการจัดวางผ้าเช็ด, สเปรย์ทำความสะอาด อุปกรณ์ทำความสะอาดอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงกับเครื่องออกกำลังกายแต่ละบริเวณให้ครอบคลุมเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ทำความสะอาดก่อนใช้งาน ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะทำให้ลูกค้ามั่นใจใช้งานได้อย่างไร้กังวลแล้ว ก็ถือว่าเป็นการลดภาระขั้นตอนการทำความสะอาดฝั่งของธุรกิจฟิตเนสได้เช่นเดียวกัน

ฆ่าเชื้อโรคในฟิตเนสอยู่เป็นระยะ

ถึงแม้ว่าภายนอกของอุปกรณ์และพื้นที่จะดูสะอาด แต่ภายในเบาะ, พื้นผิว และอากาศภายในธุรกิจฟิตเนสของคุณนั้นอาจเต็มไปด้วยเชื้อโรคที่สะสมอยู่มากมาย ดังนั้นเพียงแค่ทำความสะอาดให้ดูดีอาจไม่พอ ต้องทำการฆ่าเชื้อโรคอยู่เป็นประจำอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคในฟิตเนสสามารถทำได้ดังนี้

  1. ล้างมือก่อนทำความสะอาดเสมอด้วยสบู่และน้ำสะอาด หลังจากนั้นให้ใช้สเปรย์, เจลแอลกอฮอล์ (แอลกอฮอล์ขั้นต่ำ 60-70%) ซ้ำ 20 วินาที
  2. การทำความสะอาดด้วยการเช็ดถู ควรถูไปในทิศทางเดียวเสมอเพื่อไม่ให้เชื้อโรคคงอยู่ในพื้นผิวที่คุณได้เช็ดไป ซึ่งคุณอาจต้องใช้ผ้าเช็ดถูมากกว่า 1 ผืน แต่ถ้าเป็นการใช้สเปรย์ฉีดพ่นก็สามารถทำได้ทันที
  3. หลังฉีดพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อให้ทิ้งเอาไว้ตามระยะเวลาที่คู่มือได้ระบุ ถ้าแนะนำให้เช็ดถูซ้ำเพื่อทำความสะอาดเพิ่มเติมควรทำตามที่ได้แนะนำเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่และเช็ดถูบนพื้นผิวนั้น ๆ อีกครั้ง เป็นต้น
  4. หลังฆ่าเชื้อเสร็จ ให้ทิ้งอุปกรณ์ฆ่าเชื้ออย่างปลอดภัยในถุงขยะประเภทปนเปื้อนและล้างมือตามขั้นตอนข้อที่ 1 อีกครั้งหนึ่ง
ภาพจาก corporatefitnessworks

บริเวณที่เราแนะนำให้คุณฆ่าเชื้ออยู่เสมอก็คือ บนพื้นผิวของเครื่องออกกำลังกายทุกชนิดที่ถูกสัมผัสจากผู้ใช้บริการ เช่น ม้าเอนนั่ง Bench Press, โฟมโรลเลอร์, ลูกบอลโยคะ, ดัมเบล, บาร์เบล ฯลฯ

ตั้งกฏเกณฑ์การทำความสะอาดในฟิตเนส

ธุรกิจฟิตเนสบางแห่งอาจไม่มีข้อกำหนดในการทำความสะอาดฟิตเนสในแต่ละชั่วโมง, วันอย่างชัดเจน ดังนั้นการตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเป็นข้อบังคับจะทำให้ฟิตเนสคุณสะอาดและเป็นระบบมากขึ้น ซึ่งไอเดียการทำความสะอาดเราได้นำมาให้ทั้งหมด 3 ข้อดังนี้

  1. อบรมพนักงานให้รู้พื้นฐานของการทำความสะอาด โดยเฉพาะความสะอาดส่วนบุคคล (เช่น การล้างมือเป็นประจำ ชุดยูนิฟอร์มต้องสะอาดไม่ใส่ซ้ำ) และส่วนของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในฟิตเนส ซึ่งการฝึกสอนนั้นอาจเป็นการสอนการใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่ถูกต้อง, การใช้งานชุด PPE, การทำความเข้าใจวัสดุของเครื่องออกกำลังกายแต่ละเครื่อง เป็นต้น
  2. จัดตารางการทำความสะอาดที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดรายชั่วโมงหรือรายวัน คุณต้องกำหนดเพื่อเป็นกฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐาน และในส่วนของบุคลากรเราแนะนำให้คุณจัดหาพนักงานทำความสะอาดโดยเฉพาะ ไม่มอบหน้าที่นี้ให้กับพนักงานตำแหน่งอื่น ๆ ในธุรกิจฟิตเนสของคุณ เพราะอาจเป็นการยัดเยียดหน้าที่ให้พวกเขามากเกินไป
  3. ทำ Checklist เพื่อเป็นคู่มือประกอบการทำความสะอาดว่าต้องทำส่วนใดบ้าง ในช่วงเวลาใด และเพื่อเช็คว่าส่วนไหนที่ทำเสร็จสิ้นไปแล้วเพื่อเป็นแบบแผนการทำความสะอาดที่ตรงกันกับพนักงานทุกคน

สรุป

การยกระดับมาตรฐานความสะอาดธุรกิจฟิตเนสของคุณไม่เพียงแต่จะช่วยให้ลูกค้าพึงพอใจ แต่ยังเป็นการสร้างจุดเด่นอีกข้อให้กับธุรกิจฟิตเนสของคุณอีกด้วย เราหวังว่า 5 วิธีนี้จะช่วยให้คุณดำเนินธุรกิจฟิตเนสได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว

อยากรักษาสภาพเครื่องออกกำลังกายให้เหมือนใหม่ ต้องนึกถึง NBA Sportmanagement

อย่างที่เราได้กล่าวช่วงต้นบทความว่า ‘สภาพเครื่องออกกำลังกาย’ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยชี้ขาดสำหรับการเลือกเข้ามาใช้บริการธุรกิจฟิตเนสของลูกค้า เพราะเมื่อเครื่องออกกำลังกายเหล่านี้ถูกใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็จะทำให้เกิดการเสื่อมลงได้ทั้งสภาพตัวเครื่อง, สายพาน, สี ฯลฯ ซึ่งถ้าคุณซื้อเครื่องออกกำลังกายเหล่านี้โดยที่ไม่มีบริการหลังการขาย คุณต้องทำการซ่อมแซมเองทั้งหมด

แต่ถ้าคุณอยากลดภาระในส่วนนี้ NBA Sportmanagement พร้อมเป็นผู้ดูแลรักษาสภาพเครื่องออกกำลังกายให้กับคุณ โดยทุกการสั่งซื้อเครื่องออกกำลังกายเราจะมีบริการหลังการขายที่จะดูแล ตรวจสอบสภาพเครื่องออกกำลังกายให้กับคุณทุก 4 เดือน มั่นใจได้เลยว่าการดำเนินธุรกิจฟิตเนสจะราบรื่น ลดขั้นตอนการซ่อมบำรุงลงได้อีกมาก

ถ้าคุณสนใจ สามารถเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายคุณภาพดีพร้อมบริการหลังการขายอันดับ 1 ได้เลยตอนนี้

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!