กระตุ้นระบบการเผาผลาญอย่างไร ? ให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังพบเจอปัญหากับไขมันและน้ำหนักในร่างกายไม่ลดลง แม้ว่าจะพยายามออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง หรือควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดแล้วก็ตาม หนำซ้ำในบางครั้งน้ำหนักยังกลับเด้งขึ้นมาอีกด้วย

คุณอาจกำลังเจอกับอาการที่เรียกว่า “ระบบการเผาผลาญในร่างกายเสื่อม” เกิดจากการทำงานไม่มีประสิทธิภาพด้วยสาเหตุและปัจจัยหลาย ๆ อย่าง

ในบทความนี้เราจึงอยากพาคุณไปข้อข้องใจกันว่าจริง ๆ แล้วคำว่า “ระบบเผาผลาญเสื่อม” ที่หลาย ๆ คนเรียกกันนั้น เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร เพื่อให้คุณแก้ไขและป้องกันได้อย่างถูกต้องที่สุด

เพราะอะไรระบบการเผาผลาญในร่างกายถึงเสื่อม มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ?

The Digestive System and Body Metabolism - ppt video online download
ภาพจาก Slideplayer


การที่ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานผิดปกตินั้นเกิดจาก เมตาบอลิซึ่ม (Metabolism) ในร่างกายเกิดการทำงานได้ไม่ดีพอ ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนักของทุกคน

เมตาบอลิซึ่ม (Metabolism) คืออะไร ? 

เมตาบอลิซึ่ม (Metabolism) คือ ระบบเผาผลาญในร่างกายที่ช่วยเผาผลาญอาหารที่เรากินเข้าไป กระจายสารอาหารเพื่อส่งต่อไปหล่อเลี้ยงยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั่นเอง 

โดยสิ่งที่ทำให้เกิดระบบเผาผลาญเสื่อมนั้นมีสาเหตุได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน และมีความแตกต่างกันกับ “ภาวะน้ำหนักนิ่ง” ที่เกิดจากการออกกำลังกาย หรือควบควมอาหารในรูปแบบเดิม ๆ อีกด้วย 

สาเหตุที่ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานผิดปกติมีอะไรบ้าง ? 

การที่ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานผิดปกตินั้นเกิดจาก สภาวะที่ร่างกายสามารถนำพลังงานที่ได้จากอาหารไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ร่างกายมีพลังงานหลงเหลือ และถูกเก็บอยู่ในรูปแบบของไขมันมากขึ้น จนกระทั่งมีโอกาสเป็นโรคอ้วน และมีปริมาณไขมันเกินเกณฑ์ได้ง่าย โดยมีสาเหตุดังนี้

  • ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ อาจเกิดขึ้นเองเฉพาะบุคคล เป็นผลจากความเครียด หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาไม่ถูกต้อง
  • การอดอาหาร หรือทำให้ร่างกายได้รับพลังงานต่ำกว่า (ที่ร่างกายต้องได้รับ) ต่อเนื่องกันนาน ๆ
  • การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในปริมาณมาก อาจมาจากอายุที่มากขึ้น ขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย หรือการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง (เมื่อมีอายุมากขึ้นส่วนใหญ่อัตราการเผาผลาญจะลดลง)
  • คนที่มีน้ำหนักขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนกับภาวะ Yoyo Effect มักมีพฤติกรรมการลดน้ำหนักผิดวิธี จนส่งผลให้พื้นฐานของอัตราเผาผลาญในร่างกายต่ำลง

วิธีสังเกตว่าระบบเผาผลาญในร่างกายพังหรือไม่ ? สังเกตได้ง่าย ๆ จากการกินอาหาร และการออกกำลังกาย หากคุณปฏิบัติเทียบเท่ากับคนอื่น แต่พบว่าร่างกายมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สูงกว่าคนอื่น (อ้วนเร็วผิดปกติ) นั่นแสดงว่าคุณมีแนวโน้มแล้วว่าคุณกำลังพบเจอกับระบบเผาผลาญเสื่อมอย่างแน่นอน

หรืออาการข้างเคียงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น อ่อนเพลีย รู้สึกไม่กระฉับกระเฉง มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ และฮอร์โมนทำงานผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ความรู้สึกทางเพศลดลง ฯลฯ

วิธีกระตุ้นระบบการเผาผลาญในร่างกายให้กลับมาทำงานปกติอีกครั้ง

How to Boost Your Metabolism | Santa Cruz CORE Fitness + Rehab
ภาพจาก santacruzcore


วิธีฟื้นฟูและกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้นอีกครั้ง สามารถปฏิบัติได้ตาม 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

  • เทคนิคการออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูระบบการเผาผลาญ

เมื่อระบบการเผาผลาญเสื่อมควรเน้นการออกกำลังกายรูปแบบ HIIT (High Intensity) ที่ใช้ความเข้มข้นสูงในการปฏิบัติ โดยมีเทคนิคการออกกำลังกายที่เรียกว่า Anaerobic ทำให้ร่างกายต้องใช้พละกำลังสูงมาก (ใช้ระยะหายใจสั้น ขณะออกกำลังกายจะไม่สามารถพูดคุยได้)  

สลับกับการออกกำลังกายแบบเบาเสมือนการคูลดาวน์  

หรือหากใครที่ไม่ต้องการความเข้มข้นสูงมากขนาดนั้น คุณสามารถออกกำลังกาย Weight Training ควบคู่ไปกับการ Cardio แต่ควรเล่นเวทกระจายให้ครบทุกส่วนของร่างกายเพื่อสร้างความแข็งแรงและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เนื่องจากกล้ามเนื้อสามารถดึงน้ำตาลในกระแสเลือดมาเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ 

ทำให้น้ำตาลไม่ไปสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้นยิ่งร่างกายมีกล้ามเนื้อมากเท่าไร การเผาผลาญก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งควรออกกำลังกายควบคู่ไปกับการ Cardio เช่น เดิน วิ่ง ปั่น ว่ายน้ำ กระโดดเชือก ฯลฯ เพื่อเร่งการเผาผลาญไขมันด้วย 


  • เทคนิคการกินอาหารเพื่อฟื้นฟูระบบการเผาผลาญ

สำหรับคนที่ระบบเผาผลาญในร่างกายเสื่อมนั้น ควรเน้นกินโปรตีน (อกไก่ เนื้อปลา ไข่ ฯลฯ) เพื่อที่จะได้เอาไปช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะการสร้างกล้ามเนื้อเป็นตัวช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดี ฉะนั้นคุณจึงต้องกินโปรตีนเสริมกล้ามเนื้อนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามห้ามขาดพวก คาร์โบไฮเดรต (แป้งไม่ขัดขาว ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ฯลฯ) เพื่อใช้เป็นพลังงานในการออกกำลังกาย , ไขมันดี (ไขมันจากถั่ว ปลาทะเล งาดำ ผัก ผลไม้ ฯลฯ)

และยังมีวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การกินอาหารที่มีรสจัด เพราะพริกนั้นมีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่สามารถช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น (ควรกินแต่พอดี เพราะการกินอาหารรสจัดเยอะเกินไปจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกาย)

หรือแม้แต่การดื่มน้ำที่ถือเป็นเรื่องเบสิกในชีวิตประจำวัน การดื่มให้พอเพียงต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการ 8-10 แก้วต่อวัน จะช่วยระบบเผาผลาญทำงานได้ดียิ่งขึ้น (สลับกับการดื่มน้ำเย็นบ้าง เพราะน้ำเย็นจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดีเช่นเดียวกัน) 


สรุปทั้งหมด

สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญในร่างกายนั้น เมื่อคุณปฏิบัติตามสิ่งเหล่านี้แล้ว รับรองว่าจะช่วยกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญในร่างกายของคุณกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างแน่นอน

แต่จะได้ผลดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับวินัยการปฏิบัติของคุณด้วยว่า คุณสามารถทำต่อเนื่องได้นานแค่ไหน และจะกลับไปทำวิธีที่ผิดเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่

จงนึกเสมอว่าการแก้ไขหรือซ่อมแซมระบบการทำงานของร่างกายไม่ว่าจะเป็น ระบบการเผาผลาญเสื่อม โรคอ้วน หรืออื่น ๆ มักต้องใช้เวลาฟื้นฟูมากกว่าเสมอ ดังนั้นหากคุณกำลังพบเจอปัญหาเหล่านี้ คุณควรเริ่มปฏิบัติด้วยวิธีที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่ารอให้เป็นปัญหาเรื้อรังจนเกินไป ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!