รู้จัก Compound Movement เทคนิคที่จะช่วยให้การออกกำลังกายของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Compound Movement เป็นเทคนิคการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งของการเล่นเวทเทรนนิ่งที่จะช่วย ให้คุณสามารถ พัฒนากล้ามเนื้อ ปั้นหุ่นได้ไว และเบิร์นไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

แต่การออกกำลังกายรูปแบบนี้ไม่ได้เหมาะเพียงแค่สายเวทเทรนนิ่งเท่านั้น เพราะยังเหมาะกับกลุ่มอื่น ๆ อย่างสายคาร์ดิโอ หรือนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มศักยภาพของตัวเองอีกด้วย

ดังนั้นอย่ารอช้า มาทำความรู้จักกับเทคนิคการฝึก “Compound Movement” แต่ละรูปแบบกันว่ามีท่าทางการฝึกและควรปฏิบัติควบคู่ไปกับอุปกรณ์อะไรบ้าง ซึ่งเรารวบรวมมาไว้ให้คุณแล้วในบทความนี้ 


Compound Movement คืออะไร ? 

ภาพจาก Gympik


Compound Movement คือ การออกกำลังกายที่ใช้ข้อต่อหลายข้อต่อภายในท่าเดียว หรือใช้กล้ามเนื้อหลายมัดในการออกแรงช่วยกันต่อหนึ่งครั้ง ด้วยการทำ Body Weight (รูปแบบท่าทางต่าง ๆ) ควบคู่ไปกับการใช้อุปกรณ์ประเภท Weight Training , Strength Training หรือ Free Weight

ที่จะช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้การฝึกของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการเน้นไปที่การยกน้ำหนักเยอะ แต่ใช้จำนวนที่น้อย เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ที่สำคัญคือควรปฏิบัติด้วยท่าที่ถูกต้อง   เพราะฟอร์มการเล่นที่ผิดจะไม่ช่วยทำให้การออกกำลังกายเกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

เมื่อร่างกายได้มีการเคลื่อนไหวและใช้งานหลายส่วนไปพร้อมกัน จะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการเผาผลาญ และระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายอย่างเต็มที่

ด้วยเหตุผลนี้เองการฝึก Compound Movement จึงเหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เพิ่มความกล้ามเนื้อ และเพิ่มความแข็งแรง อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้น แตกต่างกันกับ Isolation Movement ที่โฟกัสการออกกำลังกายเน้นไปยังจุด ๆ เดียว ซึ่งจะเหมาะกับนักเพาะกายที่ต้องการปั้นหุ่นโดยเฉพาะ


เริ่มต้นฝึก “Compound Movement” ด้วยท่าทางต่าง ๆ ดังนี้

เมื่อเข้าใจถึงความหมายกันแล้ว ทีนี้มาดูท่าทางการฝึกกันบ้าง โดยเราได้รวบรวมหมวดหมู่ท่าทางการฝึกตามตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกายมาให้คุณแล้ว เพื่อคุณจะได้สามารถนำไปปฏิบัติตามง่าย ๆ มาดูไปพร้อมกันเลยครับ

May be an image of one or more people, biceps and text that says 'COMPOUND EXERCISES CHEST SHOULDERS BACK LEGS BENCH PRESS OVERHEAD PRESS DEADLIFTS BACK SQUAT DIPS ARNOLD PRESS PULLUPS FRONT SQUAT PUSH UPS UPRIGHT ROWS BENT OVER ROWS LEG PRESS'
ภาพจาก Mighty


  • เน้นช่วงหน้าอกและมีการใช้ตำแหน่งอื่นร่วมด้วย 

สำหรับท่าที่เน้นหน้าอก และมีการใช้กล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ในการออกแรงร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น 

- Push Ups : ท่าวิดพื้นสามารถทำให้กล้ามเนื้อออกแรงหลายส่วนทั้ง แขน ไหล่ หน้าอก และสามารถปรับท่าทางต่าง ๆ ได้ตามต้องการ เช่น วิดพื้นก้างแขนเยอะ (จะได้ส่วนหน้าอกเยอะ) , วิดพื้นกางแขนน้อย (จะได้ส่วนแขนเยอะ) อีกทั้งยังสามารถนำขาวางไว้บนเก้าอี้และวิดพื้น ก็จะช่วยให้คุณได้กล้ามหน้าท้องไปในตัวด้วย หรือใช้ดัมเบลเข้ามาเพิ่มความเข้มข้นในการิวดพื้นได้เช่นกัน

- Bench Press : เป็นรูปแบบเดียวกันกับการวิดพื้นที่ใช้การผลักหรือดันอุปกรณ์ แต่จะมีความเข้มข้นมากขึ้นเพราะมีการใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายเข้ามาเป็นส่วนช่วย ด้วยการนอนราบกับม้านั่ง ล็อคสะบัก และใช้การยกบาร์เบล เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อส่วนแขน หน้าอก หัวไหล่ และหลัง ให้ออกแรงและพัฒนากล้ามเนื้อไปพร้อม ๆ กัน

- Dips : คือรูปแบบการผลักหรือดันที่เข้มข้นที่สุด เพราะจะใช้บาร์เข้ามาเป็นส่วนช่วยในการออกกำลังกาย ทั้งบาร์แบบตั้งพื้น หรือ บาร์ที่มีในเครื่องออกกำลังกายอย่าง Power Rack , Smith Machine หรือ Strength Training ที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีการทำง่าย ๆ ก็คือ นำแขนทั้งสองข้างจับบาร์แล้วดันตัวเองขึ้นสุด-ลงสุด เป็นการออกแรงเพื่อให้รับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย และพัฒนาแขน หน้าอก หัวไหล่ หลัง หรือหน้าท้อง ตามรูปแบบท่าทางต่าง ๆ (จำเป็นต้องมีบาร์ ตั้งพื้น หรือบาร์ในเครื่องออกกำลังกายบางชนิด)


  • เน้นช่วงหัวไหล่และมีการใช้ตำแหน่งอื่นร่วมด้วย 

สำหรับท่าที่เน้นหัวไหล่ และมีการใช้กล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ในการออกแรงร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น 

- Overhead Press : นับว่าเป็นท่าการฝึกที่ได้รับการ Load น้ำหนักมากที่สุด โดยการนำอุปกรณ์อย่างดัมเบลและบาร์เบลมาใช้เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกาย ซึ่งการปฏิบัตินั้นแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบทั้งท่านั่ง และยืน (เลือกตามควาเหมาะสมของร่างกายตัวเอง) โดยการยกดัมเบลหรือบาร์เบลขึ้นเหนือหัวและยืดแขนให้สุด จะทำให้คุณได้ใช้กล้ามเนื้อ หัวไหล่ อก หลังแขน ปีก ก้น ท้อง สะบัก ไปจนถึง ขา น่อง และ เท้าเลยทีเดียว ที่สำคัญคือควรเลือกน้ำหนักและปฏิบัติให้เหมาะสมต่อร่างกายตัวเอง

- Arnold Press : สำหรับท่านี้จะใช้เป็นการนั่งบนเก้าอี้หรือม้านั่ง และใช้การยกดัมเบลทั้งสองข้าง โดยแขนจะอยู่ข้างลำตัว จากนั้นระหว่างยกขึ้นให้ทำการหมุนข้อมือเพื่อฝ่ามือหันไปทางด้านหน้า ยืดตึงเกร็งไว้ตำแหน่งบนสักครู่ และระหว่างผ่อนแรงนำแขนลงให้ทำการหมุนข้อมือเพื่อให้กลับมาตำแหน่งเดิม ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณพัฒนา หัวไหล่ หลังแขน ปีก และข้อต่อของส่วนข้อศอกให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น 

- Upright Rows : สำหรับท่านี้จะเป็นการนำดัมเบลและบาร์เบลมาใช้เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการยก โดยวิธีการยกนั้นจะต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างกำไว้ และไม่อ้าแขนกว้างจนเกินไป หลังจากนั้นยกขึ้นให้อยู่ระหว่างหน้าอก และผ่อนแรงยืดแขนลงสุด เป็นการพัฒนาในส่วน บ่า ไหล่ ปีก และหน้าอก ให้ทำงานไปพร้อม ๆ กัน


  • เน้นช่วงหลังและมีการใช้ตำแหน่งอื่นร่วมด้วย 

สำหรับท่าที่เน้นหลัง และมีการใช้กล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ในการออกแรงร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น 

- Deadlifts : ท่า Deadlifts ถือว่าเป็นถ้าพื้นฐานของการเล่นกล้ามอีกท่านึงสำหรับกล้ามเนื้อส่วนหลังและส่วนล่างของร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้พัฒนากล้ามเนื้อส่วนหลังต้นขา หลังส่วนบน หลังส่วนล่าง สะโพก แขน ไหล่ เป็นต้น โดยวิธีปฏิบัตินั้นจะใช้การยืน และย่อลงไปเพื่อยกดัมเบล หรือบาร์เบล ขึ้นมาให้ฟอร์มการเล่นอยู่ในท่ายืนตรงยืดเหยียดแขนสุด และอยู่ในระหว่างต้นขา (ปล.ท่านี้อาจไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาข้อเข่า) 

- Pull Ups :  ท่า Pull Ups หรือท่าดึงข้อ ยกอุปกรณ์ขึ้นมาก่อน   เป็นส่วนสำคัญสำหรับนักกล้ามที่ต้องการพัฒนากล้ามเนื้อหลังให้มีรูปทรง V-Shape แถมท่าดึงข้อยังสามารถพัฒนา กล้ามเนื้อหลังส่วนบน ส่วนกลาง ส่วนล่าง แขน ท้อง และ ลำตัว ซึ่งคุณสามารถปฏิบัติได้เช่นเดียวกันกับ Push-Ups คือการ ดึงข้อด้วยการอ้าแขนให้ห่าง และอ้าแขนให้แคบลง ก็จะสามารถพัฒนาส่วนต่าง ๆ ได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ในกรณีที่บางคนไม่สามารถดึงข้อขึ้นได้ สามารถใช้เครื่องออกกำลังกายอย่าง Smith Machine เข้ามาก็จะให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

- Bent Over Rows : สำหรับท่านี้จะคล้ายคลึงกันกับ Deadlifts ที่มีการนำดัมเบล และบาร์เบลเข้ามาเป็นส่วนช่วยในการปฏิบัติ แต่ Bent Over Rows นั้นจะมีท่าทางที่แตกต่างออกไป โดยท่าปฏิบัตนั้นคือการยืนย่อตัวลงไปยกดัมเบลหรือบาร์เบล จากนั้นยกขึ้นมาแล้วล็อคช่วงเข่าให้ย่อเล็กน้อย และโค้งหลังให้อยู่ในมุม 45 องศา จากนั้นยกบาร์เบลขึ้น-ลง (อยู่ในรูปเดิมของการย่อขาและหลังแนวราบ 45 องศา) เพื่อให้กล้ามเนื้อหลังได้ออกแรงมากเป็นพิเศษ พร้อมกับช่วงขาที่รับน้ำหนักนั่นเอง


  • เน้นช่วงขาและมีการใช้ตำแหน่งอื่นร่วมด้วย

สำหรับท่าที่เน้นขา และมีการใช้กล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ ในการออกแรงร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น 

- Back Squat : ท่าสควอทที่หลาย ๆ คนรู้จักนั้นถูกเรียกว่าเป็นการฝึก Compound Movement ที่ยอดเยี่ยมเลยเพราะสามารถช่วยพัฒนา ข้อเข่า ต้นขาหน้า-หลัง ก้น สะโพก เอว และท้อง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังสามารถนำดัมเบลและบาร์เบล เข้ามาผสมผสาน หรือเพิ่มความเข้มข้นได้ด้วยท่า Back Squat  (สควอทพร้อมกับยกบาบาร์เบลยืดแขนให้สุดไว้ทางด้านหลัง) ก็จะช่วยพัฒนาร่างกายของคุณได้อย่างทั่วถึง แต่อาจจะเหมาะกับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องข้อเข่าเพราะเป็นการฝึกที่ค่อนข้างหนักพอสมควร

- Front Squat : สำหรับท่านี้นั้นจะช่วยพัฒนาเช่นเดียวกันกับ Back Squat แต่ท่าทางปฏิบัตินั้นแตกต่างกันเล็กน้อย โดย Front Squat จะเป็นการสควอทพร้อมกับยกบาร์เบลยืดแขนให้สุดไปทางข้างหน้า ซึ่งจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า Back Squat เพราะสามารถควบคุมการออกกำลังกายได้ง่ายกว่า คนที่มีปัญหาข้อเข่าสามารถปฏิบัติได้ แต่ควรเลือกน้ำหนักที่ไม่หนักจนเกินไป เพื่อค่อย ๆ เสริมความแข็งแกร่งให้ข้อเข่าของคุณ

- Leg Press : สำหรับ Leg Press หรือการถีบขาไปด้านหน้า คือการปฏิบัติด้วยการใช้เครื่องออกกำลังกาย Leg Press Machine โดยเฉพาะ เพราะออกแบบมาคล้ายคลึงกันกับท่า Squat แต่จะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า เพราะคุณสามารถพัฒนาได้ด้วยการเพิ่มน้ำหนักของตัวเครื่องนั่นเอง ซึ่งการปฏิบัติท่า Leg Press นั้นจะช่วยให้คุณพัฒนาร่างกายส่วนล่างได้อย่างดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ก้น สะโพก ต้นขาหน้า-หลัง ขา หรือข้อต่อของเข่า และข้อเท้า เป็นต้น ที่สำคัญคือการวางตำแหน่งเท้าบนแป้นยังสามารถช่วยให้คุณพัฒนาได้ไม่เหมือนกันอีกด้วย 


Tips 

โดยปกติแล้วน้ำหนักที่เหมาะสมต่อการฝึก Compound Movement นั้น จะเลือกน้ำหนักที่สูงสำหรับแต่ละคน และยกเพียง 3-6 ครั้ง/เซ็ต เท่านั้น เพื่อระเบิดขีดจำกัดให้ร่างกายได้ออกแรงอย่างทั่วถึงนั่นเอง  อย่างไรก็ตามสำหรับบางท่า (มือใหม่ควรระมัดระวังเรื่องของข้อต่อสำหรับท่าที่มีความ Active สูง) และการใช้ Machine ก็มีการเล่นที่แตกต่างกันเยอะมากอีกเช่นกัน ดังนั้นการใช้ Machine ให้คุณทดลองเพิ่มจำนวนครั้ง หรือปรับรูปแบบให้เหมาะสมตามที่คุณต้องการได้เลย ควรวอร์มอัพและคูลดาวน์ก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น

สิ่งสำคัญนอกเหนือมากกว่านั้น ที่จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์อย่างยอดเยี่ยมก็คือ ฟอร์มการเล่นที่ถูกต้อง และการหายใจขณะเล่น ดังนั้นสำหรับมือใหม่ขอแนะนำว่าควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเข้าฟิตเนสเพื่อใช้บริการเทรนเนอร์ในการออกกำลังกายที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับท่าทางที่เริ่มปฏิบัติได้ง่ายคุณสามารถเริ่มฝึกฝนได้ด้วยตัวเอง หากไม่ชัวร์หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยจริง ๆ ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน

นี่คือตัวอย่างที่เรายกมาเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะยังมีท่าทางอีกมากมายในการฝึก และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่คุณสามารถนำมาปรับใช้กับท่าทางเหล่านี้ได้ สำหรับใครที่ต้องการการฝึกที่หลากหลายคุณสามารถลองไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนจากท่าทางที่เราแนะนำไปได้เลยครับ เพื่อพัฒนาขีดจำกัดของร่างกายของคุณเพิ่มไปอีกขั้น

ดูการฝึก Compound Movement ในรูปแบบวิดีโอเพิ่มเติม >>  ที่นี่


กำลังมองหาเครื่องออกกำลังกาย เพื่อเป็นตัวช่วยในการฝึก Compound Movement อยู่หรือไม่ ? 

แม้ว่าการปฏิบัติของ Compound Movement จะสามารถทำได้หลากหลาย แต่หลัก ๆ แล้ว Compound Movement นั้นคือรูปแบบหนึ่งของ Strength Training ที่เน้นใช้เครื่องออกกำลังกายมาเป็นส่วนช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพและเห็นผลได้เร็วมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาเครื่องออกกำลังกายเพื่อต้องการสร้าง Home Gym หรือเพื่อเป็นตัวช่วยให้การฝึกของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เราจึงขอแนะนำ Set Promotion สุดพิเศษ ที่เราได้รวบรวมเครื่องออกกำลังกายมาไวให้คุณแบบคุ้ม ๆ  


เพื่อตอบโจทย์สำหรับการออกกำลังกายภายในบ้านของคุณ หรือหากคุณกำลังมองหาเครื่องออกกำลังชนิดอื่นให้ตรงตามเป้าหมายออกกำลังกายของคุณ เราก็มีให้คุณเลือกสรรมากมายเช่นเดียวกัน 

เพราะเราคือบริษัทจัดจำหน่ายเครื่องออกกำลังกายประสบการณ์มากกว่า 20 ปี มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษากับคุณ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในการออกกำลังกาย พื้นที่การจัดวาง และงบประมาณที่วางไว้ เพื่อให้คุณได้เลือกอุปกรณ์ได้อย่างตรงใจและคุ้มค่ามากที่สุด

ดูผลงานทั้งหมดของเรา และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยตอนนี้

ต้องการเปิดฟิตเนส?

ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ

ปรึกษาฟรี!