ปัจจุบัน ลู่วิ่งไฟฟ้าในตลาดเครื่องออกกำลังกายมีให้เลือกซื้อมากมายหลายรุ่น ที่มีสเปค ราคา และการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เจ้าของฟิตเนสและผู้รักสุขภาพไม่รู้ว่าควรจะเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าแบบไหนถึงจะดีที่สุดสำหรับการใช้งาน
ลู่วิ่งไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ นั่นคือ ‘ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนส’ (Commercial Treadmill) และ ‘ลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้าน’ (Residential Treadmill) ซึ่งข้อแตกต่างยังรวมไปถึงส่วนยิบย่อยอย่าง สายพาน, พื้นที่วิ่ง, ราคา, ฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ อีกด้วย
ดังนั้น หากคุณมีข้อสงสัยว่าควรเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าแบบไหนดี ในบทความนี้ NBA Sportmanagement จะมาชี้ข้อแตกต่างระหว่างลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนส และลู่วิ่งไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อให้คุณเลือกซื้อได้อย่างคุ้มค่า ตอบโจทย์กับการใช้งาน มาติดตามได้เลย
ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ พบได้บ่อยตามฟิตเนสหมู่บ้าน, คอนโด, ยิม, ศูนย์สุขภาพ และคลินิกกายภาพบำบัด
ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสจะมีความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษ เหมาะสมกับการใช้ฝึกวิ่งออกกำลังกายเข้มข้นสูง เช่น วิ่งมาราธอน, วิ่งเทรลล์ หรือวิ่งออกกำลังกายแบบ HIIT
และลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสจะมีสเปคภายในที่ครบครัน เช่น
ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสจะมีมอเตอร์ระดับ 4 แรงม้าขึ้นไป ซึ่งจะเป็นมอเตอร์ชนิด AC สำหรับการใช้ในฟิตเนส โรงยิม เพื่อรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงโดยเฉพาะ
ประโยชน์ของมอเตอร์ 4 แรงม้าในลู่วิ่งไฟฟ้ามีดังนี้
ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสจะมีการติดตั้งสายพานที่มีความทนทาน เพราะหากลู่วิ่งมีแรงม้าสูง แต่สายพานคุณภาพไม่ดี จะทำให้มอเตอร์เสียหายไวขึ้น ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สายพานที่มีคุณภาพสูงจะมีคุณสมบัติดังนี้
และสายพานก็มีหลายเกรดให้ได้เลือกใช้ เช่น
ด้วยมอเตอร์ AC ระดับ 4 ขึ้นไป ทำให้ลู่วิ่งไฟฟ้ามีสมรรถนะความเร็วที่มากกว่าลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านประมาณ 20-30% หรือถ้าเทียบเป็นระยะทางก็จะมากกว่าราว ๆ 20 กิโลเมตร อีกทั้งยังสามารถปรับความชันสำหรับการวิ่งได้มากถึง 18 ระดับ (อ้างอิงจากลู่วิ่งไฟฟ้าของ NBA) ทำให้สามารถใช้ออกกำลังกายได้เข้มข้นกว่าลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้าน
ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสรุ่นใหม่ ๆ จะมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสที่มีความละเอียดระดับ HD จนถึง Full HD รวมถึงระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ระบบ Bluetooth สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย และโปรแกรมการฝึกฝนการออกกำลังกายหลายรูปแบบ, ลำโพงในตัวที่รองรับไฟล์ MP3 และอีกมากมาย
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปฟิตเนส หรือวันที่สภาพอากาศแปรปรวน ลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคุณ อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่าและมีหลากหลายรุ่นให้เลือกซื้อในตลาด จับจองเป็นเจ้าของได้ง่าย
แรงม้าของลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านจะอยู่ที่ 1-3 แรงม้า และเป็นชนิดมอเตอร์แบบ DC ซึ่งการใช้งานก็มีความแตกต่างกับลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสตามแรงม้า แต่สิ่งที่คล้ายกันนั่นคือ ลู่วิ่งไฟฟ้าภายในบ้านไม่จำเป็นจะต้องบำรุงรักษาตลอดเวลา รวมถึงการใช้งานก็มีความปลอดภัยสูงเช่นเดียวกัน
สำหรับผู้ที่ใช้ออกกำลังกายครั้งคราว ไม่ได้เน้นความเร็วสูง เช่นการจ๊อกกิ้ง, ใช้ออกกำลังกายสำหรับบุคคลในครอบครัว ลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านที่มีมอเตอร์ระดับ 0.6-1.5 แรงม้าก็นับว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว แต่ถ้าคุณเป็นคนออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน มอเตอร์ระดับ 1.5-3 แรงม้าถือว่าเป็นความเร็วขั้นต่ำที่คุณควรจะพิจารณาเลือกซื้อมากกว่า
ราคาของลู่วิ่งไฟฟ้าภายในบ้านเริ่มต้นเพียงประมาณหลักพันบาทไปจนถึง 3-4 หมื่นบาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสราคาจะอยู่ที่ 5 หมื่นจนถึง 1 แสนบาท หรือมากกว่านั้น
ลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านจะมีขนาดที่เล็กกว่าลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนส ซึ่งบางรุ่นสามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ได้ใช้งาน ช่วยประหยัดพื้นที่ภายในบ้านได้มาก แต่สำหรับรุ่นที่พับเก็บได้จะมีข้อเสียคือไม่เหมาะสำหรับใช้วิ่งออกกำลังกายหนัก ๆ เพราะตัวเครื่องไม่สามารถรองรับแรงกระแทกได้เท่ากับลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนส
ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนส เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะลูกค้ามักจะเลือกใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นตัวเลือกแรก ๆ และมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เช่น ใช้งานต่อเนื่องมากกว่า 30 นาทีขึ้นไป, ใช้วิ่งโดยปรับความเร็วและความชันเป็นระดับสูงสุด ฯลฯ ดังนั้นคุณจึงควรเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าที่แข็งแรง ทนทาน ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้นาน
ข้อดีที่ทำให้ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสตอบโจทย์สำหรับลูกค้า
การเลือกซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้าน นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีในแต่ละวัน เพราะคุณสามารถเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวเองได้ เช่น หากเน้นเดินเร็ว ก็อาจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าพับได้ หรือเน้นวิ่งเบา ๆ เช่น จ๊อกกิง ก็อาจเลือกรุ่นที่แรงม้าไม่สูงมาก เพราะนอกจากจะมีราคาถูกกว่าแล้วยังช่วยประหยัดพื้นที่ในบ้านอีกด้วย
คุณสามารถซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสเพื่อใช้ในบ้านได้อย่างแน่นอนหากคุณต้องการลู่วิ่งไฟฟ้าที่คุณภาพดี แข็งแรง ใช้งานได้นาน ลงทุนครั้งเดียวจบ แต่ถ้าคุณมีไลฟ์สไตล์การวิ่งออกกำลังกายทั่วไป ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ ก็อาจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านทดแทนได้
แต่สิ่งที่เรา ไม่แนะนำ นั่นคือการซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านสำหรับฟิตเนสของคุณ เพราะลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านไม่สามารถรองรับการใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ได้ และหากบุคคลที่มีน้ำหนักสูงมาใช้งาน อาจทำให้เครื่องเสียหายไวขึ้น ส่งผลเสียต่อตัวคุณ และลูกค้าท่านอื่น ๆ ที่เข้ามาใช้บริการ
เมื่อทราบถึงข้อแตกต่างของลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสและลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านแล้ว หากคุณกำลังเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าอยู่ เราอยากขอแนะนำลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนสรุ่น Maxnum X8400 ที่สเปคจัดเต็มด้วยมอเตอร์ชนิด AC สมรรถนะสูงสุดถึง 7 แรงม้า สายพานคุณภาพสูง พื้นที่วิ่งกว้างขนาด 54.5 เซนติเมตร
ลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนส Maxnum X8400 รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 182 กิโลกรัม ควบคุมระบบต่าง ๆ ผ่านหน้าจอระบบสัมผัส Dot matrix LED ปรับระดับความชันได้มากถึง 15 ระดับ มีราวจับกว้างและนุ่มและระบบกันกระแทกคุณภาพสูง เพื่อใช้วิ่งได้ปลอดภัยมากที่สุด
แต่ถ้าถ้าคุณสนใจ ลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้าน Gorilla GT5 เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านที่มีมอเตอร์ชนิด AC ขนาด 4 แรงม้าที่สมรรถนะเทียบเท่าลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนส มีพื้นที่วิ่ง 52 เซนติเมตร เครื่องมีขนาดเล็ก จัดวางได้ไม่กินพื้นที่ในบ้าน
การใช้งานรองรับน้ำหนักสูงสุด 150 กิโลกรัม มีระบบวัดแคลอรี, อัตราการเต้นของหัวใจ, ระยะทาง ฯลฯ ปรับความชันได้ 18 ระดับ มีระบบกันกระแทกเช่นเดียวกับลู่วิ่งไฟฟ้าเกรดฟิตเนส
นอกเหนือจากลู่วิ่งไฟฟ้าคุณภาพดี ราคาย่อมเยา คุณยังจะได้รับ ‘บริการหลังการขาย’ อันดับ 1 ที่จะจัดส่ง-ติดตั้งลู่วิ่งไฟฟ้าให้ถึงที่ และบริการตรวจเช็กสภาพเครื่องให้ทุก ๆ 4 เดือน ทำให้รับรองได้ว่าลู่วิ่งไฟฟ้าของคุณจะทำงานราบรื่นอยู่เสมอ ไม่มีการขัดข้องให้รำคาญใจ
ซึ่งหากต้องการดูรุ่นอื่น ๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้เลย >>ที่นี่
ให้เราช่วยบอกคุณว่าควรเริ่มต้นอย่างไรให้ได้กำไรเข้าธุรกิจยิมของคุณให้ได้มากและเร็วที่สุด เราให้คำปรึกษาฟรีที่เหมาะกับขนาดพื้นที่และงบประมาณ